DIARY Khowphun ::Day 14::

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการโฮมสเตย์ที่โอซาก้าของข้าวปุ้น วันนี้ข้าวปุ้นลืมตาตื่นมาตั้งแต่ตีห้า แต่ก็ลืมไปว่าวันนี้วันสุดท้ายแล้วไม่ได้ไปเรียนหรือไปเที่ยวที่ไหนแล้ว ก็เลยนอนต่อจนถึงเจ็ดโมง แต่เจ็ดโมงแล้วก็ยังไม่มีใครในบ้านตื่นเลย แต่ตอนนั้นข้าวปุ้นอยากเข้าห้องน้ำมากเลยตื่นมาเข้าห้องน้ำ แล้วล้างหน้าแปรงฟันเลย แล้วก็มาหาน้ำกิน แล้วก็นั่งเล่นกับเลโอคุงที่ห้องนั่งเล่นอยู่พักใหญ่ ในที่สุดชูกะจังก็ตื่น แล้วก็ทำขนมปังปิ้งให้ข้าวปุ้นกิน เรานั่งกินขนมปังด้วยกันอยู่สองคน แล้วก็นั่งดูทีวีด้วยกัน สักพักนึงโฮสก็ตื่น แต่โฮสไม่กินข้าว พอโฮสล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ทำงานบ้านทันที ข้าวปุ้นอยากช่วยมาก แต่ด้วยขนาดบ้านที่ค่อนข้างแคบ ถ้าข้าวปุ้นไปช่วย คงจะเป็นการไปเกะกะเขามากกว่า ข้าวปุ้นเลยนั่งเล่นกับเลโอคุงต่อ พอถึงเวลาประมาณสิบโมงกว่า ไทกิคุงก็ตื่น ปกติไทกิคุงไปเรียนทุกวันแต่วันอาทิตย์นี้หยุดพอดี ทุกคนเลยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหมดเลย ตอนสิบเอ็ดโมงโฮสก็ทำข้าวเที่ยงให้กิน มื่อสุดท้ายของการโฮมสเตย์เป็น บะหมี่เย็น ทุกคนแย่งกันคีบเส้นบะหมี่หรือโซเมงที่อยู่ในชามกันอย่างสนุกสนาน แถมรสชาติของบะหมี่เย็นฝีมือโฮสยังอร่อยมากๆอีกด้วย พอดีไทกิคุงมีนัดกับเพื่อนเลยขอตัวออกไปก่อน ข้าวปุ้นเลยขอถ่ายรูปกับทุกคนเป็นที่ระลึกก่อน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พอถึงเวลาบ่ายโมง โฮสก็ขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟกับชูกะจัง สองอาทิตย์มันผ่านไปเร็วๆมากๆเลย รู้สึกว่าได้คุยกับโฮสแค่นิดเดียวเอง โฮสกับชูกะจังก็มายืนส่งเราขึ้นลิฟต์ที่สถานี โบกมือบ๊ายบายกันใหญ่เลย พอขึ้นมาถึงที่รอรถไฟก็รู้สึกว่าค่อนข้างทุลักทุเลมากๆเพราะสัมภาระตอนกลับมันมีมากกว่าตอนมาประมาณสิบเท่า ขนทีเหงื่อแตกพลั่กๆเลย สุดท้ายก็แบกขึ้นรถไฟจนมาถึงสถานีอุเมดะอย่างปลอดภัย แล้วข้าวปุ้นก็ไปหาที่ยืนรอมิ้น อยู่หน้าร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ พอมิ้นมาเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปสนามบินนานาชาติคันไซกัน แล้วก็ยืนรอรถอยู่สักพักรถก็มา ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน แล้วเราสองคนก็ไปยืนต่อแถวรอเช็คอิน ซึ่งวันนี้ที่สนามบินคนเยอะมากๆเพราะเป็นวันอาทิตย์ พอเช็คอินเสร็จแล้วก็ไปต่อแถวรอเข้าด่านตม.กัน เสร็จแล้วก็ได้เดินซื้อของฝาก ไปกินข้าว แล้วก็ไปรอขึ้นเครื่อง ขากลับเครื่องดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง […]

DIARY Khowphun ::Day 13::

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ปุ้นจะได้ออกไปเที่ยวเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องกลับไทยแล้ว วันนี้ปุ้นตื่นตั้งแต่หกโมง วันนี้ปุ้นต้องรีบออกจากบ้าน เพราะวันนี้ปุ้นจะไปเที่ยวเกียวโตกับมิ้น แต่ปุ้นเกิดท้องเสียขึ้นมาเลยออกจากบ้านช้าเลย กว่าจะมาถึงอุเมดะก็แปดโมงแล้ว พอเจอมิ้นเราก็รีบไปขึ้นรถไฟเพื่อไปยังเกียวโต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา สถานที่แรกที่เราไปกันคือฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเกียวโต โดยจุดเด่นของศาลเจ้านี้คือเสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายกันเป็นพันต้น ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากๆ พวกเราถ่ายรูปกันอยู่ซักพัก แล้วก็ขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ต่อไปคือวัดน้ำใสหรือ คิโยมิซุเดระ ก่อนที่จะถึงวัดน้ำใสนั้นเรียกว่าเดินกันจนขาลากเลยที่เดียวเพราะต้องเดินขึ้นเนินท่ามกลางอากาศร้อนจัด ระหว่างทางปุ้นกับมิ้นจึงต้องแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำและไอศกรีมมากินดับร้อน จนในที่สุดก็เดินมาจนถึงตัววัดจนได้ แม้จะร้อนขนาดไหนคนก็ยังมาเที่ยวที่วัดเยอะมาก เราเสียค่าเข้าไปยังตัวอุโบสถใหญ่กันคนละห้าร้อยเยน ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะตัวอุโบสถใหญ่เป็นแบบเปิดโล่งมีลมพัดเย็นสบายมาก วิวข้างนอกก็เป็นป่าเขียวชอุ่มสวยมากๆเลย พอเดินออกมาจากตัวอุโบสถก็จะมีบันไดทางลงไปยังจุดที่มีน้ำไหลลงมาเป็นสายให้คนที่มาเที่ยวที่วัดได้ตักดื่มเป็นสิริมงคลกับชีวิตกัน แต่ปุ้นกับมิ้นไม่ได้ไปดื่มเพราะคนต่อคิวกันยาวมากๆ เลยได้แต่ถ่ายรูปกันอยู่พักนึงแล้วก็เดินออกจากวัด ตอนออกมาจะมีทางเดินลงเนินอีกทางที่เป็นคนละทางกับตอนเดินขึ้นมา ซึ่งทางลงเนินทางนี้สองข้างทางจะมีร้านของฝากเรียงรายเยอะแยะไปหมด แต่ปุ้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรเลยเพราะตังใกล้หมดเลยเดินดูอย่างเดียว และแล้วก็ได้เวลาไปยังจุดหมายต่อไปคือวัดเงินหรือกิงคะคุจิ พวกเราไปถึงแถวๆวัดตอนประมาณเที่ยงๆแล้ว เลยแวะกาข้าวกินกัน มื้อกลางวันวันนี้เป็นอุด้งเนื้อ อร่อยมากๆ แถมเจ้าของร้านยังชวนพวกเราคุยแบบเป็นกันเองอีกด้วย พอกินกันอิ่มแล้วก็เดินไปจนถึงทางเข้าวัด แต่ต้องเสียค่าเข้าหกร้อยเยน  ปุ้นกับมิ้นเลยตัดสินใจไม่เข้าวัดเงิน เพราะไปอ่านรีวิวในเน็ตมาเขาบอกว่าไม่ค่อยมีอะไร ไว้เอาเงินไปเสียที่วัดทองดีกว่า สุดท้ายเลยออกมาขึ้นรถไฟไปวัดทองหรือคินคะคุจิกันต่อ พอมาถึงวัดทอง ก็ต้องเสียเงินค่าเข้ากันคนละสี่ร้อยเยน แต่มันคุ้มค่าเงินนะคะ เพราะวัดทองเค้าสวยจริงๆ มันทองจริงๆค่ะ ยิ่งสะท้อนแสงแดดนี่ดูเป็นประกายมากๆค่ะ แถมในวัดยังมีสวนให้เดินด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ พวกเราอยู่ในวัดทองร่วมชั่วโมง แล้วมาซื้อของฝากไปฝากโฮสตรงใกล้ๆทางออกวัด แล้วนั่งรถเมล์เพื่อไปลงที่สถานีที่จะไปยังสถานที่่สุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คืออาราชิยามะ รถไฟที่เรานั่งไปยังอาราชิยามะนั้นเรียกได้ว่าเป็นรถไฟแบบโลคอลสุดๆ คือมีแค่โบกี้เดียว […]

DIARY Khowphun ::Day 12::

วันนี้ปุ้นรีบตื่นแต่เช้าเพราะว่าต้องออกไปรับเพื่อนที่มาจากจังหวัดจิบะ ข้าวเช้าวันนี้ปุ้นกินแค่น้ำชากับโดนัทหนึ่งชิ้น แถมตอนออกจากบ้านไม่ได้บอกโฮสด้วย เพราะโฮสนอนหลับอยู่ยนโซฟาปุ้นเลยไม่กล้าปลุก วันนี้ปุ้นออกมาขึ้นรถเมล์เที่ยวแรกตอนเวลา6โมง53นาที ไปถึงสถานีตอนเจ็ดโมงพอดี แล้วก็รีบวิ่งขึ้นรถไฟ เพราะเพื่อนมาถึงโอซาก้าตั้งแต่เจ็ดโมงแล้ว สถานที่ที่ปุ้นนัดเจอเพื่อนคือที่สถานีอุเมดะ ใช้เวลาประมาณ15นาทีก็มาถึงซะที ปุ้นจึงรีบติดต่อเพื่อน จนได้มาเจอกันตอนประมาณเจ็ดโมงครึ่ง เราตกลงกันว่าจะไปนัมบะกัน แล้วปุ้นก็ส่งไลน์ไปบอกมิ้นให้มาเจอกันที่นัมบะ แล้วปุ้นกับเพื่อนก็นั่งรถไฟจากอุเมดะไปถึงนัมบะตอนประมาณแปดโมงกว่าๆ ปุ้นกับเพื่อนตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอยากจะร้องคาราโอเกะกัน เลยไปตามหาร้านคาราโอเกะที่เปิดตลอด24ชั่วโมงกัน เพราะเพิ่งจะแปดโมงกว่า ร้านคาราโอเกะส่วยในใหญ่จะเปิดเวลาสิบโมงกัน ในที่สุดก็หาจนเจอ ปุ้นกับเพื่อนเข้าไปร้องคาราโอเกะกันประมาณ1ชั่วโมง ตอนร้องก็สั่งเฟรนช์ฟรายด์กับไก่ทอดมากินด้วยเพราะตอนเช้าปุ้นกินแค่โดนัทชิ้นเดียว ส่วนเพื่อนยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กว่าจะร้องเพลงเสร็จก็ประมาณ9โมงครึ่ง มิ้นก็มาถึงนัมบะพอดี เลยไปนัดเจอกันแถวๆป้ายกูลิโกะ พอเจอมิ้นแล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นกันสามคน ซักพักก็เดินเล่นในชินไซบาชิ เพื่อนนัดรุ่นพี่อีกคนนึงไว้ซึ่งรุ่นพี่คนนี้เรียนป.โทอยู่ที่มหาวิทยาลัยโอซาก้า โดยพี่เขาอาสาจะพาพวกเราเที่ยว พอเจอพี่แล้ว ที่แรกที่พี่พาไปคือเกมเซ็นเตอร์ซึ่งชั้นบนจะมีตู้ถ่ายรูปปุริคุระเต็มไปหมด มีบริการชุดคอสเพลย์ด้วยค่าเช่าชุดแค่ครั้งละ100เยนเท่านั้น เราสี่คนเลยตกลงจะคอสเพลย์กันในธีมดิสนีย์ ปุ้นแต่งเป็นมินนี่เมาส์ มิ้นแต่งเป็นมิกกี้เมาส์ เพื่อนอีกคนแต่งเป็นโอลาฟ ส่วนรุ่นพี่แต่งเป็นตัวเอเลี่ยนสามตา แล้วเราก็ไปเลือกตู้ที่จะถ่ายปุริคุระกัน พอถ่ายเสร็จก็มาแต่งรูปซึ่งปุ้นกับมิ้นขอบาย เสร็จจากถ่ายรูปแล้วก็ลงไปเล่นเกมที่ชั้นล่างแป๊บนึงแล้วก็ไปร้านชีสเค้กพลาโบ ไปนั่งกินน้ำกินขนมถ่ายรูปกันซักพัก รุ่นพี่ก็พาไปที่อาราชิคาเฟ่ ซึ่งปุ้นเป็นคนบอกเองว่าอยากไป พอเปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ปุ้นแทบอยากจะกรี๊ด คือทั้งร้านมีแต่รูปอาราชิ แถมช่วงนี้เพิ่งผ่านวันเกิดของนิโนะมิยะ หนึ่งในสมาชิกวงอาราชิมาไม่นานมากด้วย รอบๆผนังร้านจึงมีรูปนิโนะมิยะแผ่นใหญ่ๆแปะอยู่เต็มไปหมด ฟินมากๆเลยค่ะ แต่ว่าเขาให้นั่งได้แค่ชั่วโมงเดียว แถมค่าอาหารยังแอบแพงนิดหน่อยด้วย พอครบชั่วโมง รุ่นพี่ก็ขอตัวกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่อ พวกเราสามคนเลยต้องเที่ยวกันเอง […]

DIARY Khowphun ::Day 11::

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะไปโรงเรียนแล้ว กิจวัตรยามเช้าก็เหมือนกับทุกๆวัน พอมาถึงโรงเรียน ก็รู้สึกใจหายนึดหน่อย นี่วันสุดท้ายแล้วจริงๆหรอ เพิ่งมาได้ไม่กี่วันเอง วันนี้เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่เลย คาบเรียนวันสุดท้ายนี้อาจารย์ให้ฟังเพลง แล้วใก้ทุกคนร้องเพลงกัน เพลงที่อาจารย์ให้ฟังวันนี้ชื่อเพลงว่า Hibi ตอนฟังคือตกใจมาก เพราะร้านราเมงที่ไปกินตอนกลางวันเมื่อวานก็เปิดเพลงนี้ 555 พอหมดคาบเรียนปกติปุ้นกับมิ้นจะรีบเดินออกจากห้องทันที แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เราต้องรอพบครูใหญ่ของโรงเรียนเพื่อรับใบประกาศณียบัตรว่าจบคอร์สเรียนจากที่นี่แล้ว เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งเราเข้าไปที่ห้องของครูใหญ่เพื่อรับใบประกาศจากมือของครูใหญ่แล้วก็พูดคุยกับครูใหญ่อีกพักหนึ่ง ยังคุยไม่ไม่ทันเสร็จดีฝนก็ตกลงมาหนักมาก ทำให้ปุ้นกับมิ้นต้องรออยู่ในโรงเรียนจนกว่าฝนจะซา พอฝนเริ่มซาปุ้นกับมิ้นก็จะเดินออกไปหาข้าวกินกัน แต่เจอครูใหญ่พอดี ครูใหญ่เลยพาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านขายสลัด ในร้านมีสลัด หมูทอด มักกะโรนี โอนิกิริ และอื่นๆอีกมากมาย ให้เลือกตักกัน ปุ้นมิ้นและครูใหญ่ก็นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ในร้านนั้น แล้วก็นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ จนประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง เราจึงกล่าวขอบคุณครูใหญ่แล้วก็แยกย้ายกัน วันนี้ปุ้นกับมิ้นไปที่ Banpaku Kinen Kouen กันอีกรอบเนื่องจากเมื่อวานไปแล้วปิด ยังไงวันนี้ก็ต้องไม่พลาด เราไปถึงจุดหมายกันตอนเกือบๆจะสี่โมงเย็นแล้ว เราจึงมีเวลาเดินในสวนกันแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเพราะสวนปิดตอนห้าโมง พอเข้าไปปุ๊บเราก็รีบเข้าไปถ่ายรูปกับ Taiyo no Tou ก่อนเลย แล้วก็เดินไปรอบสวน ซึ่งสวนมันกว้างมากๆ มีสวนดอกทานตะวัน และดอกไม้อื่นๆมากมาย เสียดายมากๆที่มีเวลาเดินแค่ชั่วโมงเดี๋ยว เพราะถ้ามีเวลามากกว่านี้เราอาจจะได้เข้าไปที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ภายในสวนแห่งนี้ก็ได้ พอใกล้เวลาห้าโมงก็มีเสียงประกาศว่าสวนใกล้จะปิดแล้ว พวกเราจึงเดินดูรอบๆสวนอีกนิดหน่อยแล้วเดินออกมา พอถึงเวลาห้าโมงทางสวนก็เปิดทำนองเพลงสามัคคีชุมนุม […]

DIARY Khowphun ::Day 10::

วันนี้ตอนเช้าทุกอย่างเหมือนเดิม วันนี้ที่โรงเรียนสอนคันจิ ซึ่งปุ้นชอบเรียนคันจิมากๆ คาบเรียนวันนี้เลยรู้สึกสนุกมากๆ อาจารย์ให้ออกไปเขียนคันจิหน้าห้องด้วย รู้เลยว่าเขียนเส้นผิด แล้วอาจารย์ก็สอนคันจิแปลกๆให้หลายตัวเลย ได้ความรู้กลับมาเยอะมากๆ เป็นคาบเรียนที่สนุกที่สุดคาบนึงเลย พอเลิกเรียนปุ้นกับมิ้นก็ไปกินราเมงที่หน้าสถานีกัน เป็นรางเมงซุปมิโซะที่อร่อยมากๆ กินจนหมดชามเลย แล้วเราสองคนก็นั่งรถไฟไปยัง Banpaku Kinen Kouen กัน สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่จัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โปเมื่อปีค.ศ.1970 มีสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือ Taiyo no Tou หรือหอคอยแห่งแสงอาทิตย์ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นมาก แต่วันนี้พอไปถึงปรากฏว่าสวนสาธารณะปิดทุกวันพุธ เลยมาเสียเที่ยวเลย ปุ้นกับมิ้นเลยตกลงกันว่าจะมากันใหม่พรุ่งนี้ วันนี้เราเลยเปลี่ยนแผนเที่ยวกันไปเที่ยวกันแถวอุเมดะแทน พวกเราหน้าไปยังอุเมดะ แล้วเดินเท้ากันไปยังตึกUmeda Sky Building ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้า ที่ชั้นบนสุดมีจุดชมวิวรอบๆเมืองโอซาก้า พวกเราขึ้นไปถ่ายรูปวิวของเมืองโอซาก้ากัน แต่ปุ้นเดินได้แค่แป๊บเดียวก็ขอลงมารอข้างล่างเพราะปุ้นกลัวความสูง เลยปล่อยให้มิ้นถ่ายรูปอยู่คนเดียว555 แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้กลับถึงบ้านตอนทุ่มกว่า วันนี้โฮสทำโอโคโนมิยากิให้กิน โฮสกับลูกสาวกินกันเรียบร้อยแล้วปุ้นเลยนั่งกินคนเดียว โฮสให้ปุ้นกินตั้งสองชิ้น ความจริงคือปุ้นอิ่มตั้งแต่ชิ้นแรกแล้ว แต่ก็ยัดเข้าไปจนหมด เพราะมันอร่อยๆจริงๆ พอกินเสร็จแล้ว ปุ้นก็ไปนั่งดูทีวีกับโฮสวันนี้มีรายการพิเศษ เป็นรายการเพลงประจำปีชื่อว่า FNS ปุ้นก็นั่งดูไปเรื่อยๆมีวงที่ปุ้นชอบมาออกด้วย ทั้งโฮสทั้งลูกสาวโฮสก็ดูจนไม่มีใครยอมไปอาบน้ำ สุดท้ายพอวงที่ปุ้นชอบร้องเสร็จแล้ว ปุ้นเลยขอไปอาบน้ำก่อนแล้วมานั่งดูต่อจนรายการจบตอนห้าทุ่ม แล้วก็ไปนอน

DIARY Khowphun ::Day 9::

วันนี้ตื่นหกโมงครึ่งเวลาเดิม ข้าวเช้าเป็นน้ำชากับขนมปังเหมือนเดิม ออกจากบ้านเจ็ดโมงครึ่งเวลาเดิม ไปถึงสถานีคามิชินโจตอนแปดโมงครึ่ง รอมิ้นมาแป๊บนึงแล้วก็ไปโรงเรียนด้วยกัน วันนี้ที่โรงเรียนเรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้วก็ถามประสบการณ์ของแต่ละคนว่าเคยไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง ก็คุยกันไปสนุกสนานเลยทีเดียว พอเลิกเรียนแล้วปุ้นก็แยกกับมิ้น เพราะวันนี้โฮสชวนไปเที่ยวที่อุเมดะ ปุ้นจึงรีบไปที่อุเมดะ พอถึงแล้วก็โทรหาโฮสว่าโฮสอยู่ที่ไหน แล้วรีบไปหาโฮส วันนี้โฮสมากับลูกสาวแค่สองคน ที่แรกที่ไปกันคือHep Five ไปถ่ายรูปปุริคุระกับโฮส จากนั้นก็ไปร้องคาราโอเกะกัน เพราะปุ้นบอกโฮสว่าอยากร้องเพลงมาก สรุปว่าโฮสซื้อชั่วโมงคาราโอเกะให้ปุ้นสามชั่วโมง โฮสกับชูกะจังลูกสาว ร้องเพลงกันอยู่แค่ห้าหกเพลง ส่วนที่เหลือเขายกให้ปุ้นร้องหมดเลย ปุ้นเลยจัดเต็มร้องจนคอแห้งเสียงแหบเลยทีเดียว ปุ้นก็ไม่รู้ว่าโฮสจะปวดหัวรึเปล่านะ เพราะเสียงปุ้นมันแย่มาก 55555 กว่าจะร้องเสร็จก็หกโมงเย็นแล้ว โฮสเลยพาไปหาข้าวเย็นทานกัน วันนี้เราไปกินราเมงกัน ปุ้นสั่งทันตัมเมง เพราะอยากกินอะไรเผ็ดๆ สรุปทุกคนสั่งทันตัมเมงกันหมด รสชาติอร่อยดี พอกินข้าวเสร็จโฮสก็ถามว่าอยากไปที่ไหนอีกไหม ปุ้นเลยบอกไปว่าอยากไปทาวเวอร์เรคคอร์ด โฮสเลยพาไป ปุ้นเลยได้ดีวีดีอาราชิที่เพิ่งออกวันนี้เลยมาหนึ่งแผ่นสมใจ แล้วเราสามคนก็กลับบ้านกัน พอถึงบ้านปุ้นเลยขอบคุณโฮสใหญ่เลย เพราะความจริงโฮสก็ยุ่งๆแต่ก็หาเวลาพาปุ้นไปเที่ยว ดีใจมากๆเลย  

DIARY Khowphun ::Day 8::

วันนี้ตื่นมาตอนหกโมงครึ่งเหมือนเดิม อาหารเช้าของบ้านนี้ คิดว่าคงเป็นน้ำชากับขนมปังทุกวันแน่ๆแล้ว แล้วก็ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง ไปถึงสถานีคามิชินโจตอนแปดโมงครึ่ง พอเจอมิ้นเราสองคนก็เดินไปโรงเรียนด้วยกันเหมือนเคย วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนซัมเมอร์ของโรงเรียน ก็ได้เจอเด็กไทยคนอื่นๆด้วย วันนี้ก็เรียนแบบสบายๆไม่ยากมาก เรียนเดี่ยวกับเทศกาลของญี่ปุ่น ก็สนุกดี ได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มด้วย หลังเลิกเรียนพวกเราแวะไปกินข้าวหน้าเนื้อแถวๆหน้าสถานีคามิชินโจ แล้วค่อยเดินทางไปยังจุดหมายของวันนี้คือ นิชชินคัพนูดเดิ้ลแฟคตอรี่ ซึ่งอยู่ที่สถานีอิเคดะ จากสถานีคามิชินโจไปสถานีอิเคดะใช้เวลาไม่นานมากประมาณ20นาทีก็มาถึง จากสถานีเดินไปไม่ไกลมากก็จะถึงนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลแฟคตอรี่ ซึ่งในนี้จะเป็นคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ที่บอกประวัติความเป็นมาของนิชชินคัพนู้ดเดิ้ล แล้วก็ยังมีการสอนทำเส้นบะหมี่ มีการทำถ้วยคัพนูดเดิ้ลเป็นของตัวเองอีกด้วย ความจริงปุ้นเคยไปนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลแฟคตอรี่ที่โยโกฮาม่ามาแล้ว บอกเลยว่าที่โอซาก้าเล็กกว่า แต่ดีกว่าอย่างนึงคือไม่เสียเงินค่าเข้า วันนี้เราตั้งใจมาทำคัพนู้ดเดิ้ลเป็นของตัวเองกัน โดยต้องเสียค่าถ้วยคนละ200เยน แล้วก็มานั่งวาดลายบนถ้วยกัน พอวาดเสร็จแล้วก็เดินไปที่เคาท์เตอร์จะมีคนเอาเส้นบะหมี่ใส่ ให้เราเลือกเครื่องปรุงว่าอยากได้รสไหน จะใส่เครื่องอะไรบ้าง สนุกมากๆเลย และวันนี้ก็มีคุณแม่พาลูกเล็กๆมาเยอะมากๆ พวกเราอยู่กันจนถึงเวลาปิดทำการจึงค่อยเดินออกมา แล้วไปยังเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้คือสถานีมิโน นั่งรถไฟมาไม่นานก็ถึงสถานีมิโน ซึ่งให้อารมณ์เหมือนอยู่ต่างจังหวัดมากๆ สถานที่ที่เราจะไปกันคือน้ำตกมิโน ซึ่งจากสถานีเดินไปยังตัวน้ำตกนั้นเป็นระยะทางประมาณ2.5กิโลเมตร แถมทางขึ้นยังเป็นเนินอีกด้วย ตอนแรกจะถอดใจแล้ว แต่คิดว่าไหนๆก็มาแล้วก็ลองไปดูสักครั้ง พวกเราใช้เวลาเดินกันประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงตัวน้ำตก รู้สึกคุ้มค่ามากๆกับการเดิน2.5กิโลเพื่อมาดูน้ำตก เพราะน้ำตกที่นี่สวยจริงๆ แถมอากาศก็เย็นมากๆจนรู้สึกว่าอยากนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งวันเลย พวกเราถ่ายรูปเก็บบรรยากาศยริเวณน้ำตกกันอยู่เกือบชั่วโมงก็กลับกันเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว ขากลับก็เดินอีก2.5กิโล กลายเป็นว่าเดินไปกลับเป็นระยะทาง5กิโล ไม่รู้ว่าเดินไปได้ยังไง555 วันนี้กลับถึงบ้านตอนสองทุ่มกว่าๆ อาหารเย็นที่โฮสเตรียมให้วันนี้เป็นหมูทอดกับสลัดผัก อร่อยมากๆกินจนอิ่มเลย เพราะโฮสให้หมูทอดชิ้นใหญ่ๆมาตั้งสี่ชิ้น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งคุยกับโฮสนิดหน่อย แล้วก็ไปอาบน้ำ […]

DIARY Khowphun ::Day 7::

วันนี้ปุ้นกับมิ้นแพลนกันไว้ว่าจะไปนารากับโกเบ ตอนที่ปุ้นบอกโฮส โฮสก็ถามปุ้นว่ารู้รึเปล่าว่านาราอยู่ตรงไหนแล้วโกเบอยู่ตรงไหน555 คือถ้าเอาโอซาก้าเป็นจุดศูนย์กลาง โกเบจะอยู่ทางซ้ายของโอซาก้า ส่วนนาราอยู่ทางขวาของโอซาก้า พูดง่ายๆคืออยู่กันคนละทางเลย แต่ปุ้นก็รู้อยู่แล้ว และก็คุยกับมิ้นแล้วว่าที่นารากับโกเบที่เที่ยวมันไม่มากเท่าไหร่ น่าจะเก็บหมดภายในวันเดียว ตอนเช้าเรานัดเจอกันที่สถานีอุเมดะ แต่มิ้นยังไม่มาปุ้นเลยไปซื้อข้าวปั้น กับขนมมากินรอ สุดท้ายมิ้นส่งไลน์มาบอกว่าจะมาช้า ให้ปุ้นไปหาที่ซื้อตั๋วคันไซ ทรูพาสไว้ก่อนเลย ปุ้นเลยเดินไปหาที่ซื้อตั๋วซึ่งต้องไปซื้อที่สถานีเจอาร์โอซาก้า เดินจากสถานีอุเมดะไปประมาณ5นาทีก็มาถึง ปุ้นยืนรอมิ้นอยู่หน้าที่ขายตั๋วซักพักมิ้นก็มา แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วกัน โดยตั๋วมีราคา4000เยน สามารถขึ้นรถไฟได้สองวัน วันละกี่รอบก็ได้ แถมมีบัตรส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแนบมาด้วย เป็นตั๋วที่คุ้มค่ามากๆ พอซื้อตั๋วเสร็จพวกเราก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังนารา โดยสถานที่ที่เราจะไปกันนั้นมีแค่ที่เดียวคือวัดโทไดจิ ซึ่งมีไดบุทสึองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ นอกจากนั้นไฮไลท์ของวัดนี้คือกวางที่มีอยู่เป็นร้อยๆตัวทั่วบริเวณหน้าวัด พวกเราอยู่ในวัดกันเป็นชั่วโมงก่อนจะออกมาหาข้าวกลางวันกินกัน มื้อเที่ยงวันนี้เป็นราเมงไก่สับ ใส่ไข่ต้ม อร่อยดี แล้วเราก็รีบขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ต่อไปคือโกเบ แต่คุยกันไปคุยกันมากลายเป็นว่า มิ้นอยากไปดูปราสาทฮิเมจิ เราเลยนั่งรถไฟยาวๆไปลงที่ฮิเมจิ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งนั่งรถไฟกันตูดแฉะ ในที่สุดพวกเรามาถึงปราสาทฮิเมจิกันตอนห้าโมงเย็น ซึ่งหมดเวลาเข้าชมแล้ว พวกเราเลยเข้าไปได้แค่สวนใหญ่ที่อยู่หน้าปราสาทเท่านั้น แต่ก็เห็นปราสาทฮิเมจิได้อย่างชัดเจน พวกเราก็เดินถ่ายรูปเล่นกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาเพื่อไปยังสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ โกเบ กว่าจะนั่งรถไฟมาถึงโกเบก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ที่ที่เราไปกันคือหอคอย Kobe Port ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ บอกเลยว่าเที่ยวตอนกลางคืนนี่ดีมากๆ เพราะไม่มีแดด และไฟขอหอคอยที่เปิดตอนกลางคืนมันสวยมากๆ ฝั่งตรงข้ามกอคอยจะเป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ […]

DIARY Khowphun ::Day 6::

วันนี้ปุ้นตื่นตอนหกโมงครึ่ง อาหารเช้าวันนี้ก็เป็นน้ำชากับขนมปังปิ้งแผ่นนึง วันนี้ปุ้นกับมิ้นนัดกันจะไปเที่ยวที่ปราสาทโอซาก้า ปุ้นเลยรีบออกจากบ้านไปถึงสถานีอุเมะเดะซึ่งเป็นสถานที่นัดพบเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง แต่มิ้นยังไม่มา ปุ้นเลยเดินเล่นอยู่แถวนั้นจนถึง 10 โมง มิ้นถึงจะมา 555 กว่าจะไปถึงปราสาทโอซาก้าก็เกือบเที่ยงแล้ว แน่นอนว่าแดดร้อนมากๆ มีร่มก็เอาไม่อยู่จริงๆ พอไปถึงปุ้นกับมิ้นก็เดินถ่ายรูปแถวๆนั้นไปพลางๆ พอเดินไปถึงก่อนทางเข้าปราสาท ปุ้นกับมิ้นก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน มื้อนี้ปุ้นกินอุด้ง อร่อยดีราคาก็ไม่แพงมาก แต่น้ำที่นี่ขายแพงกว่าตามร้านสะดวกซื้อนิดหน่อย แต่ก็ต้องซื้อเพราะหิวน้ำ 555 ตรงข้ามทางเข้าปราสาทจะมีศาลเจ้าอยู่ หน้าศาลเจ้ามีรูปปั้นโทโยโทมิ ฮิเดโยชิซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่ แล้วแวะเข้าไปถ่ายรูปด้วยซักหน่อย แล้วค่อยเดินไปที่ตัวปราสาท บริเวณตัวปราสาทมีคนเยอะมากเลย แต่ปุ้นก็ถ่ายรูปได้แป๊บเดียวก็ต้องหาที่หลบแดดเพราะมันร้อนมากๆจนจะเป็นลมแล้ว555 พอออกจากปราสาทโอซาก้ามา พวกเราก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสถานีเทนโนจิ เพื่อไปดูหอคอย Tsutenkaku ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญจุดหนึ่งของโอซาก้า ระหว่างทางเดินที่จะไปหอคอย เราต้องเดินผ่านสวนสาธารณะเทนโนจิก่อนพอออกมาถึงอีกฝั่งของสวนสาธารณะก็จะเจอสวนสัตว์เทนโนจิ ซึ่งปีนี้มีอายุครบ 100 ปีพอดี ถัดจากสวนสัตว์เราจะเจอย่านการค้าที่เรียกว่าชินเซไก หรือแปลเป็นภาษาไทยว่าโลกใหม่นั่นเอง ในย่านการค้านี้จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย และมีจุดที่น่าสนใจคือหน้าร้านเกือบทุกร้านจะมีรูปปั้นเทพเจ้าบิลลิเก็นตั้งอยู่ เทพเจ้าบิลลิเก็นที่ว่านี้เป็นเทพเจ้าที่ให้โชคเรื่องเงิน แต่ปุ้นว่าหน้าตาท่านน่ากลัวไปหน่อยนะ555 พอเดินไปจนถึงใจกลางของย่านการค้าจะมีจุดที่สามารถมองเห็นคอคอย Tsutenkaku ได้อย่างชัดเจน แถมเป็นมุมที่คนนิยมถ่ายกันด้วย พวกรูปที่ลงอยู่ในหนังสือท่องเที่ยวก็น่าจะมาจากมุมนี้เหมือนกัน ตกเย็นปุ้นกับมิ้นก็เดินทางไปยังสถานีเท็นจินบาชิ เพื่อไปงานเท็นจินมัตสึริ ซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงมากๆของโอซาก้า ชาวญี่ปุ่นจะแต่งชุดยูกาตะมาเดินงานนี้กัน […]

DIARY Khowphun ::Day 5::

วันนี้ตื่นมาตอนหกโมงครึ่งเหมือนเดิม อาหารเช้าวันนี้เป็นขนมปังแท่งยาวๆมีไส้ครีมอยู่ตรงกลาง กับโยเกิร์ตรสพีช แต่ปุ้นกินพีชไม่ได้เลยบอกปฏิเสธโฮสไป สรุปคือได้กินแค่ขนมปังชิ้นเดียว ด้วยความที่ไม่อิ่ม ตอนออกจากบ้านเลยเดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆบ้าน ไปซื้อชีสเค้กมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ วันนี้เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนของนักเรียนปกติ แต่ปุ้นกับมิ้นก็ยังคงต้องเรียนกันต่อไป เพราะถึงแม้นักเรียนส่วนใหญ่จะหยุดปิดเทอม แต่ก็ยังมีนักเรียนบางส่วนรวมถึงปุ้นกับมิ้นที่ต้องมาเรียนช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียน หรือจะเรียกง่ายๆว่ามาเรียนซัมเมอร์ก็ได้ วันนี้เลิกเรียนตอนเที่ยงตรง ปุ้นกับมิ้นก็ไปหาข้าวกินกัน ด้วยความที่มิ้นอยากกินมาม่ามาก มื้อกลางวันวันนี้เลยเป็นนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลรสต้มยำกุ้ง พวกเรานั่งกินกันในแฟมมิลี่มาร์ท ซึ่งในแฟมมิลี่มาร์ทแห่งนี้สะดวกมากๆ มีทั้งห้องน้ำ มีโต๊ะให้นั่งกินข้าว แถมบริเวณโต๊ะมีปลั๊กให้เสียบเล่นโน้ตบุ๊คหรือชาร์จแบตมือถือได้ด้วย ส่วนรสชาติของนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลรสต้มยำนั้น ถือว่าอร่อยดีกุ้งก็ตัวใหญ่ดี แต่ความเผ็ดสู้ของไทยไม่ได้ มื้อนี้เป็นมื้อที่ถูกที่สุดตั้งแต่มาญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นปุ้นกับมิ้นก็ไปชินไซบาชิกันอีกรอบ เพื่อไปเดินในส่วนที่ยังไม่ได้ไปเดินเมื่อวานกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเมื่อวานเท่าไหร่ คือมีแต่ร้านขายของเป็นทางยาว เดินกันอยู่ซักพักก็เดินจนสุดทาง พวกเราเลยตกลงกันว่าจะกลับมาที่อุเมดะ แล้วไปที่ Hep Five ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ที่ฮอตฮิตมากในหมู่วัยรุ่น ข้างในมีร้านเยอะมาก แถมมีสวนสนุกอยู่ข้างในด้วย แต่จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือชิงช้าสวรรค์สีแดงที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ปุ้นกับมิ้นจึงตกลงกันว่าจะขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน ทั้งๆที่กลัวความสูงกันทั้งคู่ แต่ไหนๆมาแล้วขอลองสักครั้งแล้วกัน ค่าขึ้นชิงช้าสวรรค์ก็คนละห้าร้อยเยน ชิงช้าสวรรค์คือสูงมากๆ เห็นบริเวณรอบๆเมืองหมด เห็นภูเขาด้วยสวยมากๆเลยค่ะ พอเที่ยวกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนอย่างเคย ข้าวเย็นวันนี้เป็นปลาแซลมอนอบ ผักต้ม ปลาหมึกย่าง อร่อยมากๆ โดยเฉพาะปลาแซลมอนอบพอจิ้มกับซอสแล้วฟินมากๆค่ะ วันนี้ลูกชายโฮสกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ […]

DIARY Khowphun ::Day 4::

วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า แถมมีลมแรงมากๆ ตอนออกจากบ้านไปโรงเรียน ถึงจะกางร่มก็ยังเปียกอยู่ดี แถมการจราจรยังล่าช้าไปนิดหน่อย เพราะถนนลื่นขับรถเร็วไม่ได้ วันนี้รถเมล์เลยมาช้ากว่ากำหนดไปนิดนึง เลิกเรียนแล้วก็ไปกินเคเอฟซีกับมิ้น เคเอฟซีที่ญี่ปุ่นมีเมนูที่แตกต่างกับไทย บางอย่างของไทยก็ดูน่ากินกว่า แต่บางอย่างของญี่ปุ่นก็น่ากินกว่า วันนี้ปุ้นลองสั่งชุดแฮมเบอร์เกอร์สไปซี่ดู เพราะอยากกินอะไรเผ็ดๆ แถมในชุดยังมีเฟรนฟรายด์แบบพิเศษ ซึ่งมีขายเฉพาะช่วงหน้าร้อนอีกด้วย ที่น่าแปลกใจคือ คนญี่ปุ่นเค้าไม่กินเฟรนฟรายด์กับซอสมะเขือเทศ ด้วยความที่สงสัยมากจึงไปถามโฮส ได้ความว่า คนญี่ปุ่นเขาคิดว่าเฟรนช์ฟรายด์มันโรยเกลืออยู่แล้ว มันมีรสชาติอยู่แล้วจะจิ้มซอสอีกทำไม แต่ว่าถ้าอยากได้ซอสก็ขอได้จากพนักงาน ไม่มีให้กดๆแบบบ้านเราค่ะ ส่วนรสชาติของแฮมเบอร์เกอร์สไปซี่นั้น คิดว่าคงเผ็ดสำหรับคนญี่ปุ่น ถ้าเอามาเทียบกับซิงเกอร์เบอร์เกอร์ของเคเอฟซีบ่านเราเนี่ย ของญี่ปุ่นชิดซ้ายไปเลย แต่รสชาติอร่อยค่ะ พอกินข้าวเที่ยงกันเรียบร้อยแล้ว ปุ้นกับมิ้นก็นั่งรถไฟไปยังสถานีนัมบะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในโอซาก้าไม่แพ้อุเมดะเลย เราเดินดูร้านค้าในชั้นใต้ดินซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ ซึ่งมีร้านค้าเยอะมากๆ สามารถเดินอยู่ในนั้นได้ทั้งวันเลยก็ว่าได้ จากนัมบะเดินไปเรื่อยก็จะไปถึงชินไซบาชิ และโดทงโบริ ซึ่งถือเป็นย่านการค้าที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากๆของโอซาก้า ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ ป้ายไฟกูลิโกะขนาดใหญ่ ซึ่งใครที่มาที่นี่จะต้องแชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันถ้วนหน้า แต่สำหรับปุ้น ปุ้นไม่ได้สนใจป้ายกูลิโกะเท่าไหร่ ปุ้นสนใจป้ายที่อยู่ตรงข้ามป้ายกูลิโกะมากกกว่า ป้ายนั้นก็คือ ป้ายโฆษณาของแผ่นแปะบรรเทาปวดยี่ห้อซาลอนพาส ที่นิโนะมิยะ วงอาราชิเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะตอนที่ปุ้นไปถึงบริเวณป้ายกูลิโกะ ปุ้นรีบวิ่งไปถ่ายรูปกับนิโนะมิยะก่อนเลย เนื่องจากชินไซบาชิเป็นถนนการค้าที่มีเส้นทางยาวมาก ปุ้นกับมิ้นไม่สามารถเดินได้หมด จึงแยกย้ายกันกลับบ้านก่อน แล้วนัดกันว่าพรุ่งนี้จะมาเดินกันใหม่ วันนี้กลับถึงบ้านประมาณสองทุ่มครึ่ง ข้าวเย็นที่โฮสเตรียมไว้ให้คือ […]

DIARY Khowphun ::Day 3::

วันนี้ตื่นนอนตอนหกโมงครึ่ง ข้าวเช้าเป็น ขนมปังกับโยเกิร์ต ซึ่งไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ พอกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งดูทีวีซักพัก แล้วไปเปลี่ยนเสื้อ เพื่อเตรียมตัวออกไปเรียน วันนี้ต้องเดินไปขึ้นป้ายรถเมล์เองคนเดียวเป็นครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าจำทางได้ แต่พอลองเดินดูคนเดียวกลับหลงทางจนได้ สุดท้ายต้องใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทาง กว่าจะไปถึงป้ายรถเมล์ใช้เวลาอยู่ประมาณสิบห้านาที ทำให้ตกรถเมล์ สุดท้ายต้องรอรถเมล์รอบแปดโมง ซึ่งทำให้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียนรวนไปหมด จนเกือบไปเรียนสาย แต่สุดท้ายก็วิ่งมาจนถึงโรงเรียนทันเวลาพอดี การเรียนวันนี้เรียนเกี่ยวกับไวยากรณ์ ซึ่งเคยเรียนจากมหาวิทยาลัยมาแล้ว แต่ก็นั่งจดเพื่อเป็นการทบทวนไปในตัวด้วย วันนี้ปุ้นกับมิ้นไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่อุเมดะ เราเดินหาร้านอาหารกันไปเรื่อยๆจนไปเจอร้านอาหารเกาหลี จึงตกลงกันว่าจะกิน เพราะมิ้นอยากกิน กว่าจะกินข้าวเสร็จก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว พวกเราเลยเดินเล่นกันในโยโดบาชิคาเมร่ากันจนถึงเย็นแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้ปุ้นไม่ได้กินข้าวที่บ้านเพราะตอนกลางวันกินจนอิ่มมากๆ ตอนกลับบ้านวันนี้ปุ้นก็หลงทางอีกแล้ว ยังไม่ชินกับทางสักที ยิ่งพอเย็นแล้วฟ้าเริ่มมืดยิ่งจำทางไม่ได้ใหญ่เลย สุดท้ายก็ต้องพึ่งกูเกิ้ลแมปอีกตามเคย สุดท้ายก็กลับบ้านถูก พอกลับถึงบ้านก็อาบน้ำ แล้วก็นั่งดูละครกับโฮส แล้วก็คุยกับโฮส รู้สึกว่าได้พูดกับโฮสมากขึ้น ไม่ตื่นเต้นมากเท่าวันแรกแล้ว

DIARY Khowphun ::Day 2::

วันที่สองของการมาโฮมสเตย์ วันนี้เป็นวันแรกที่จะต้องเดินทางไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งโรงเรียนที่ปุ้นและมิ้นได้ไปเรียนกันคือ Nihon Riko-Jyoho Institute (Kamei Gakuen) อยู่ที่โอซาก้าค่ะ เนื่องจากปุ้นไม่รู้วิธีการไปสถานีรถไฟ เพราะยังจำทางไม่ได้ และไม่รู้วิธีการเดินทางไปโรงเรียน วันนี้โฮสจึงให้ลูกสาวของโฮสพาออกมาส่ง ซึ่งจากบ้านไปที่สถานีรถไฟนั้นจะต้องนั่งรถประจำทางไป โดยรถประจำทางที่นี่จะมาตรงเวลามากๆ จึงต้องดูตารางเดินรถดีๆเพื่อที่จะได้ไม่ตกรถ เมื่อขึ้นรถเมล์แล้วก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะมาถึงสถานีรถไฟโซเนะ แล้วลูกสาวโฮสก็สอนวิธีขึ้นรถไฟ ว่าต้องเปลี่ยนรถที่ไหน รถไฟแบบไหนที่ขึ้นได้และขึ้นไม่ได้ เนื่องจากรถไฟจากสถานีโซเนะไปยังสถานีคามิชินโจ ซึ่งเป็นสถานีที่เป็นจุดหมายปลายทางนั้น ต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีจูโซ ทำให้ตอนแรกรู้สึกงงๆ สุดท้ายก็มาถึงสถานีคามิชินโจ แล้วลูกสาวโฮสก็ขอแยกตัวไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพราะนัดกับเพื่อนไว้ สุดท้ายปุ้นก็เลยเดินสำรวจบริเวณสถานี เพราะมิ้นยังไม่มา และแล้วปุ้นกับมิ้นก็ไปถึงโรงเรียนกันตอนเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง ตอนแรกนึกว่าที่โรงเรียนจะให้ทำแบบทดสอบเพื่อเลือกห้องเรียน แต่กลายเป็นว่า เขาให้เราเข้าไปนั่งเรียนทีละห้อง แล้วเลือกห้องที่ชอบมากที่สุด สรุปคือปุ้นกับมิ้นเลือกห้องซี ซึ่งกำลังเรียนเนื้อหาของระดับ N2 กันอยู่ บรรยากาศในห้องเรียนก็จะดูเครียดๆนิดหน่อย พอถึงเวลาพักก็มีพี่คนไทยเดินเข้ามาคุยด้วย พี่ๆคนไทยที่นี่ใจดี เป็นกันเองมากๆเลย เวลาเรียนของโรงเรียนนี้จะเริ่มตั้งแต่เก้าโมงครึ่งถึงบ่ายโมงสิบห้านาที เพราะฉะนั้นระหว่างคาบพักควรจะหาอะไรมากินรองท้องด้วย พอเรียนเสร็จแล้วข้าวปุ้นกับมิ้นก็นั่งรถไฟจากสถานีคามิชินโจ ไปยังสถานีอุเมดะเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงบ่าย สุดท้ายมาลงเอยที่ร้านชาบูตงในโยโดบาชิคาเมร่า พอกินเสร็จก็เดินสำรวจของในโยโดบาชิคาเมร่ากันนิดหน่อย แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนกลับบ้านก็มาถึงสถานีโซเนะได้อย่างปลอดภัย แต่เกิดเรื่องตอนขึ้นรถประจำทาง เพราะเคยขึ้นรถประจำทางจากบ้านมาสถานี แต่ยังไม่เคยนั่งจากสถานีกลับบ้านเลย พอขึ้นรถเลยรู้สึกกลัวๆ ต้องคอยฟังชื่อป้ายอยู่ตลอด […]

DIARY Khowphun ::Day 1::

เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณตีสองครึ่ง ซึ่งการบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้ไม่ได้ไปแบบบินตรง แต่ไปเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งวันนี้เครื่องที่บินจากไทยไปไต้หวันเกิดดีเลย์ทำให้เครื่องถึงไต้หวันช้า จนแทบวิ่งไปเปลี่ยนเครื่องไม่ทัน วิ่งกันอย่างสนุกสนานเลย และแล้วก็มาถึงสนามบินนานาชาติคันไซได้อย่างปลอดภัย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า ผ่านด่านศุลกากรเป็นอันว่า ถึงญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้นก็ไปซื้อซิมอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้สำหรับติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง เสร็จแล้วจึงโทรหาโฮสแฟมมิลี่ เพื่อนัดแนะสถานที่ในการเจอกัน เวลาบ่ายสองกว่าๆก็ออกจากสนามบินไปยังสถานีอุเมดะโดยรถลีมูซีนบัสของสนามบิน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีอุเมดะ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของโอซาก้า หลังจากไปถึงแล้วเราก็ตามหาตู้โทรศัพท์เพื่อโทรหาโฮสอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับสถานที่ที่จะพบกัน แล้วปุ้นกับมิ้นก็แยกกันไปขึ้นรถไฟสายที่จะไปบ้านของโฮส โดยบ้านโฮสของปุ้นจะอยู่ที่สถานที่โซเนะ นั่งรถไฟจากอุเมะดะไปประมาณ 15 นาที พอถึงที่สถานีโซเนะแล้วก็เจอโฮสมารอรับอยู่ที่ประตูทางออก โฮสของปุ้นชื่อ คุณโอคาดะ ยูกิ เขาขับรถมารับที่สถานี ซื่อทางจากสถานีไปบ้านนั้นค่อนข้างไกลนิดหน่อย ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงบ้าน พอถึงบ้านแล้วก็ทำการนำข้าวของไปเก็บไว้ที่ห้องนอน ซึ่งบ้านของคุณโอคาดะจะค่อนข้างแปลกๆหน่อย คือห้องนอนจะอยู่ชั้นล่าง ส่วนห้องรับแขก ห้องครัว โต๊ะกินข้าวจะอยู่ที่ชั้นสอง พอขึ้นมาที่ห้องรับแขกก็เจอกับลูกสาวของโฮส ชื่อว่าชูกะจัง  ซึ่งกำลังจะออกไปเรียนบัลเล่ต์พอดี เลยได้ทักทายกันแค่นิดหน่อย หลังจากนั้นก็นั่งคุยกับคุณโอคาดะเกี่ยวกับเรื่องการมาอยู่โฮมสเตย์ เรื่องข้อควรปฏิบัติต่างๆเมื่ออยู่ที่บ้าน โดยได้ข้อสรุปว่า เวลาอยู่ที่บ้านเราสามารถอาบน้ำได้แค่วันละครั้ง เสื้อผ้านั้นสามารถซักรวมกับของโฮสได้ อาหารมีให้กินวันละสองมื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น ถ้าวันไหนจะไม่กินก็ให้บอกโฮสล่วงหน้าก่อน ส่วนเวลากลับบ้านนั้นโฮสให้อิสระเต็มที่จะกลับดึกโฮสก็ไม่ว่าค่ะ แต่ต้องแจ้งทุกครั้งว่าจะกลับบ้านประมาณกี่โมง และโฮสก็ให้กุญแจบ้านเอาไว้ เผื่อกลับแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน พอถึงเวลาประมาณหกโมงเย็น […]