DIARY Ruangkhow ::Day 9::

บันทึกประสบการณ์ของน้องRuangkhow ผู้ชนะจากการแข่งขันตอบปัญหาภาษาญี่ปุ่น J-Challenge #10 กับการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ที่โรงเรียน Yono Gakuin Japanese Language School จังหวัด ไซตามะ วันที่ 9 ที่ญี่ปุ่น..

วันนี้ก็ยังต้องไปเรียนเหมือนเดิม แต่ดีที่แดดออก อุณหภูมิประมาณ 10 องศานิดๆรู้สึกสดชื่นมาก ต่างจากเมื่อวานที่หิมะตกฟ้ามืดครึ้มลิบลับเลย

วันนี้แปลกที่ไม่มี Dictation คาตะคานะแต่เริ่มเรียนบทที่10เลย พอเรียนเสร็จก็ต่อด้วยคัดคันจิเหมือนเดิม ตอนช่วงพักอ.โยโกะคาวะมาที่ห้องมาบอกว่า วันนี้จะมีนักเรียนไทยมาใหม่ 1 คน เลิกเรียนแล้วให้ไปหาด้วย แต่พอเลิกเรียนแล้วไปหาปรากฎว่านักเรียนใหม่ไปกับพี่นักเรียนคนไทยอีกคนแล้ว เลยไปหาข้าวกลางวันกับตาลแล้วก็พี่เอิร์นกัน 3 คนเหมือนเดิม

วันนี้พี่เอิร์นพาไปร้านซูชิสายพานราคาถูก เดินจากโรงเรียนมาประมาณเกือบกิโล มีแต่ซูชิอย่างดีที่จานละแค่ 100 เยนเอง ทานไป 5 จานก็อิ่มแปล้แล้ว แต่จริงๆอยากกินอีกเพราะมันอร่อยมาก แต่ละโต๊ะจะมีจอ touch screenให้เลือกเมนูแล้วอาหารจะมาเสิร์ฟตามราง (สายพานนี่กลายเป็นมีประโยชน์แค่คืนจานที่ไม่อยากกินแล้วกับโฆษณาเมนูพิเศษแค่นั้นเอง) แล้วทานไปสักพักที่จอก็จะมีเกมส์เสี่ยงโชคให้เล่น เราโชคดีเล่นได้ส่วนลดถ้ามาทานคราวหน้า เลยตกลงกันว่าก่อนกลับไทยต้องไปทานอีกรอบให้ได้

พอทานเสร็จก็ไป big camera ที่อยู่เลยมาหน่อยแถมอยู่ใกล้สถานี omiya  ตรงดิ่งกันไปที่กาชาปองกันเลยทีเดียว กดมาได้หลายลูกเลย ตัวเองกับพี่เอิร์นเป็นพวกที่ถ้าไม่ได้ตัวที่อยากได้ก็ไม่ยอมเลิกเลยได้มาเยอะเลย ส่วนตาลพอกดไป 2 รอบได้ตัวซ้ำแถมไม่ใช่ตัวดังก็ถอดใจจะเลิกแล้ว แต่ก็เชียร์ให้กดอีกรอบเลยได้ตัวที่อยากได้สักที

กดจนพอใจกันแล้วดูเวลาก็ 3 โมงครึ่งแล้ว เลยกลับบ้านกันโดยแยกกันที่สถานี omiya ตอนนั้นเพิ่งรู้สึกตัวว่า เท้าดีขึ้นมากเลยเพราะเมื่อวานพี่เอิร์นแนะนำมาว่า จริงๆแล้วอาการมันมาจากหลังเวลานอนผิดท่านานๆแล้วมาเดินมากๆ ให้ลองนอนหงายดู เพราะพี่ก็เคยเป็นมาแล้ว เลยลองทำตามดูเมื่อคืน ตอนเดินก็ยังปวดแปลบอยู่แต่น้อยลงมากแล้ว รู้โล่งอกขึ้นเยอะเลย

พอมาถึงบ้านก็ไปทำการบ้านที่ห้องนั่งเล่นกับอาริสะที่ทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกัน พอทำเสร็จแล้วเห็นว่าอาริสะมีปัญหากับการบ้านเลยช่วยสอนจนเสร็จ (แล้วก็ได้รู้ว่าญี่ปุ่นเรียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยเคร่งเลยเพราะการบ้านม.1ความยากประมาณป.1-2ที่ไทยเอง) พอทำเสร็จพอไปนอนพักจน 1 ทุ่มเหมือนเดิม จน 2 ทุ่มนิดๆก็ได้กินข้าวเย็นแล้ว

โอก้าซังยังไม่กลับจากที่ทำงานโอโต้ซังเลยทำให้ทานกันก่อน เพราะบอกไปแล้วว่าปกติตอนอยู่ที่ไทยทานข้าวเย็นเร็ว โอโต้ซังทำปลาย่างให้ทานกับข้าว บอกว่าถือเป็นเมนูมาตรฐานของญี่ปุ่นเลย พอลองทานปลาไปแล้วรู้สึกว่ามันเค็มมาก โชยุเค็มสุดๆถ้าไม่มีไชเท้าขูดกับข้าวนี่ไตคงพัง พอโอก้าซังกลับมาเลยเล่าว่าอาหารญี่ปุ่นก็เค็มอย่างนี้แหละ กับข้าวเค็มจะทำให้กินข้าวได้ คนญี่ปุ่นเองก็ไตไม่ดีเพราะชอบกินเค็มกันเยอะเหมือนกัน โอก้าซังเองก็เป็น โอโต้ซังยังให้ลองชิมโชยุด้วย

พอทานข้าวเสร็จคุยกันเสร็จ 4 ทุ่มแล้วก็ขอไปนอนเลย พอหัวถึงหมอนก็หลับเลย โดยไม่ลืมจัดท่านอนหงายเหมือนเดิมเพราะเป็นคนติดนอนตะแคง