DIARY Mint ::Day 14::

วันนี้ตื่นมาตอนประมาณ 8.30 วันสุดท้ายแล้วที่จะได้นอนที่บ้านนี้ เศร้ามากๆ เลย ไม่รู้ว่าทำไมชอบบ้านหลังนี้มากๆ ไม่อยากไปจากบ้านหลังนี้เลย แม้ว่าจะมีโฮสที่เป็นแม่กับลูกสาวแค่สองคน และความห่างวัยของวัยก็ต่างกันมาก แต่บ้านนี้อบอุ่นมากๆ ไม่เหงาเลย หัวเราะกันตลอด ตื่นมาก็เจอแม่ทำกับข้าวให้เสร็จ เราก็ไปอาบน้ำและก็มานั่งกินข้าว จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทยอยกันตื่นมา คือ ลูกสาวและทะนิโกะซัง(บอสของลูกสาว)ที่มาค้างคืนด้วย ด้วยวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เราจึงต้องไปโบสถ์ จึงขอตัวรีบไปโบสถ์ ออกจากบ้านก็ประมาณ 9 โมง นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงโบสถ์ที่ชื่อว่า Church of Light เขต Ibaraki-shi โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่อยากมามากๆ เมื่อสองปีก่อน แต่ไม่คิดว่าเราจะได้มีโอกาสมาท่ีนี่ เป็นโบสถ์ที่สถาปัตยกรรมสวยมากๆ เลย เพราะว่าส่วนที่เป็นไม้กางเขนเป็นกระจกที่มีแสงส่องออกมาได้ โบสถ์นี้มีคนมานมัสการพระเจ้าประมาณ 100 คนได้ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาชมโบสถ์ในช่วงเช้า ส่วนใหญ่คนที่มานมัสการพระเจ้าที่นี่ก็เป็นคนวัยทำงานไปจนถึงรุ่นบรรพบุรุษเลยทีเดียว เอาเป็นว่าประทับใจมากๆ จากนั้น ตอนเดินทางกลับบ้าน ไปแวะที่ห้างใกล้สถานี Yamada เพื่อจะซื้อเครื่องเขียนที่อยากได้อีกเล็กน้อย ล้มละลายมากเลย ถึงบ้านตอนประมาณบ่ายโมงเลย พอเข้าไปในบ้านปุ๊บ ก็จัดการเอาของใส่กระเป๋าให้หมด แล้วก็เอาของฝากให้กับโฮส มีกางเกงช้าง และก็ของจุกจิกเล็กน้อย […]

DIARY Khowphun ::Day 14::

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการโฮมสเตย์ที่โอซาก้าของข้าวปุ้น วันนี้ข้าวปุ้นลืมตาตื่นมาตั้งแต่ตีห้า แต่ก็ลืมไปว่าวันนี้วันสุดท้ายแล้วไม่ได้ไปเรียนหรือไปเที่ยวที่ไหนแล้ว ก็เลยนอนต่อจนถึงเจ็ดโมง แต่เจ็ดโมงแล้วก็ยังไม่มีใครในบ้านตื่นเลย แต่ตอนนั้นข้าวปุ้นอยากเข้าห้องน้ำมากเลยตื่นมาเข้าห้องน้ำ แล้วล้างหน้าแปรงฟันเลย แล้วก็มาหาน้ำกิน แล้วก็นั่งเล่นกับเลโอคุงที่ห้องนั่งเล่นอยู่พักใหญ่ ในที่สุดชูกะจังก็ตื่น แล้วก็ทำขนมปังปิ้งให้ข้าวปุ้นกิน เรานั่งกินขนมปังด้วยกันอยู่สองคน แล้วก็นั่งดูทีวีด้วยกัน สักพักนึงโฮสก็ตื่น แต่โฮสไม่กินข้าว พอโฮสล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ทำงานบ้านทันที ข้าวปุ้นอยากช่วยมาก แต่ด้วยขนาดบ้านที่ค่อนข้างแคบ ถ้าข้าวปุ้นไปช่วย คงจะเป็นการไปเกะกะเขามากกว่า ข้าวปุ้นเลยนั่งเล่นกับเลโอคุงต่อ พอถึงเวลาประมาณสิบโมงกว่า ไทกิคุงก็ตื่น ปกติไทกิคุงไปเรียนทุกวันแต่วันอาทิตย์นี้หยุดพอดี ทุกคนเลยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหมดเลย ตอนสิบเอ็ดโมงโฮสก็ทำข้าวเที่ยงให้กิน มื่อสุดท้ายของการโฮมสเตย์เป็น บะหมี่เย็น ทุกคนแย่งกันคีบเส้นบะหมี่หรือโซเมงที่อยู่ในชามกันอย่างสนุกสนาน แถมรสชาติของบะหมี่เย็นฝีมือโฮสยังอร่อยมากๆอีกด้วย พอดีไทกิคุงมีนัดกับเพื่อนเลยขอตัวออกไปก่อน ข้าวปุ้นเลยขอถ่ายรูปกับทุกคนเป็นที่ระลึกก่อน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พอถึงเวลาบ่ายโมง โฮสก็ขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟกับชูกะจัง สองอาทิตย์มันผ่านไปเร็วๆมากๆเลย รู้สึกว่าได้คุยกับโฮสแค่นิดเดียวเอง โฮสกับชูกะจังก็มายืนส่งเราขึ้นลิฟต์ที่สถานี โบกมือบ๊ายบายกันใหญ่เลย พอขึ้นมาถึงที่รอรถไฟก็รู้สึกว่าค่อนข้างทุลักทุเลมากๆเพราะสัมภาระตอนกลับมันมีมากกว่าตอนมาประมาณสิบเท่า ขนทีเหงื่อแตกพลั่กๆเลย สุดท้ายก็แบกขึ้นรถไฟจนมาถึงสถานีอุเมดะอย่างปลอดภัย แล้วข้าวปุ้นก็ไปหาที่ยืนรอมิ้น อยู่หน้าร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ พอมิ้นมาเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปสนามบินนานาชาติคันไซกัน แล้วก็ยืนรอรถอยู่สักพักรถก็มา ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน แล้วเราสองคนก็ไปยืนต่อแถวรอเช็คอิน ซึ่งวันนี้ที่สนามบินคนเยอะมากๆเพราะเป็นวันอาทิตย์ พอเช็คอินเสร็จแล้วก็ไปต่อแถวรอเข้าด่านตม.กัน เสร็จแล้วก็ได้เดินซื้อของฝาก ไปกินข้าว แล้วก็ไปรอขึ้นเครื่อง ขากลับเครื่องดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง […]

DIARY Mint ::Day 13::

วันนี้ตั้งใจว่าจะออกจากบ้านเร็วเพราะไปเที่ยวเกียวโต สถานที่ที่มี landmark ที่ต้องไปเยอะมากๆ และตอนเย็นต้องกลับมาปาร์ตี้เลี้ยงส่งอีก ตอนแรกตั้งใจจะออกแบบเช้ามากๆ ประมาณหกโมงเช้า แต่เกรงใจโฮสที่ต้องตื่นมาในวันหยุดเพื่อทำอาหารให้กิน เลยตื่นประมาณ 7.30 น. เหมือนโฮสทำอาหารไว้ให้แล้ว และเยอะมากๆ ด้วย แต่ด้วยความที่นอนน้อยเลยกินไปนิดเดียว รีบออกจากบ้านไปเจอเพื่อนที่ Umeda ตอนประมาณ 8 โมงนิดๆ จากนั้นก็เริ่มต้นเดินทางเริ่มจากนั่งรถไฟโดยใช้ Kansai thru pass เหมือนเดิมเพื่อไป Fushimi Inari ที่แรก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยขึ้นรถไฟของ Keihan หรูหรามาก อย่างกับรถไฟวีไอพี ไปถึงฟูชิมิอินาริ ร้อนมากกกกกก ผิวไหม้ แดดแผดเผา นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ เลย แล้วก็ขึ้นไปตรง Sembon Torii พอถ่ายรูปเสร็จปุ๊บก็ต้องรีบลงมา เพราะว่าต้องไปรีบที่อื่นต่อ ชอบที่นี่มากที่สุด ขากลับ ซื้อแม็คเน็ตเสาโทริอิไปให้โฮสด้วย จาก Fushimi Inari นั่งรถต่อไปที่สถานี Kiyomizu Gojo […]

DIARY Khowphun ::Day 13::

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ปุ้นจะได้ออกไปเที่ยวเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องกลับไทยแล้ว วันนี้ปุ้นตื่นตั้งแต่หกโมง วันนี้ปุ้นต้องรีบออกจากบ้าน เพราะวันนี้ปุ้นจะไปเที่ยวเกียวโตกับมิ้น แต่ปุ้นเกิดท้องเสียขึ้นมาเลยออกจากบ้านช้าเลย กว่าจะมาถึงอุเมดะก็แปดโมงแล้ว พอเจอมิ้นเราก็รีบไปขึ้นรถไฟเพื่อไปยังเกียวโต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา สถานที่แรกที่เราไปกันคือฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเกียวโต โดยจุดเด่นของศาลเจ้านี้คือเสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายกันเป็นพันต้น ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากๆ พวกเราถ่ายรูปกันอยู่ซักพัก แล้วก็ขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ต่อไปคือวัดน้ำใสหรือ คิโยมิซุเดระ ก่อนที่จะถึงวัดน้ำใสนั้นเรียกว่าเดินกันจนขาลากเลยที่เดียวเพราะต้องเดินขึ้นเนินท่ามกลางอากาศร้อนจัด ระหว่างทางปุ้นกับมิ้นจึงต้องแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำและไอศกรีมมากินดับร้อน จนในที่สุดก็เดินมาจนถึงตัววัดจนได้ แม้จะร้อนขนาดไหนคนก็ยังมาเที่ยวที่วัดเยอะมาก เราเสียค่าเข้าไปยังตัวอุโบสถใหญ่กันคนละห้าร้อยเยน ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะตัวอุโบสถใหญ่เป็นแบบเปิดโล่งมีลมพัดเย็นสบายมาก วิวข้างนอกก็เป็นป่าเขียวชอุ่มสวยมากๆเลย พอเดินออกมาจากตัวอุโบสถก็จะมีบันไดทางลงไปยังจุดที่มีน้ำไหลลงมาเป็นสายให้คนที่มาเที่ยวที่วัดได้ตักดื่มเป็นสิริมงคลกับชีวิตกัน แต่ปุ้นกับมิ้นไม่ได้ไปดื่มเพราะคนต่อคิวกันยาวมากๆ เลยได้แต่ถ่ายรูปกันอยู่พักนึงแล้วก็เดินออกจากวัด ตอนออกมาจะมีทางเดินลงเนินอีกทางที่เป็นคนละทางกับตอนเดินขึ้นมา ซึ่งทางลงเนินทางนี้สองข้างทางจะมีร้านของฝากเรียงรายเยอะแยะไปหมด แต่ปุ้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรเลยเพราะตังใกล้หมดเลยเดินดูอย่างเดียว และแล้วก็ได้เวลาไปยังจุดหมายต่อไปคือวัดเงินหรือกิงคะคุจิ พวกเราไปถึงแถวๆวัดตอนประมาณเที่ยงๆแล้ว เลยแวะกาข้าวกินกัน มื้อกลางวันวันนี้เป็นอุด้งเนื้อ อร่อยมากๆ แถมเจ้าของร้านยังชวนพวกเราคุยแบบเป็นกันเองอีกด้วย พอกินกันอิ่มแล้วก็เดินไปจนถึงทางเข้าวัด แต่ต้องเสียค่าเข้าหกร้อยเยน  ปุ้นกับมิ้นเลยตัดสินใจไม่เข้าวัดเงิน เพราะไปอ่านรีวิวในเน็ตมาเขาบอกว่าไม่ค่อยมีอะไร ไว้เอาเงินไปเสียที่วัดทองดีกว่า สุดท้ายเลยออกมาขึ้นรถไฟไปวัดทองหรือคินคะคุจิกันต่อ พอมาถึงวัดทอง ก็ต้องเสียเงินค่าเข้ากันคนละสี่ร้อยเยน แต่มันคุ้มค่าเงินนะคะ เพราะวัดทองเค้าสวยจริงๆ มันทองจริงๆค่ะ ยิ่งสะท้อนแสงแดดนี่ดูเป็นประกายมากๆค่ะ แถมในวัดยังมีสวนให้เดินด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ พวกเราอยู่ในวัดทองร่วมชั่วโมง แล้วมาซื้อของฝากไปฝากโฮสตรงใกล้ๆทางออกวัด แล้วนั่งรถเมล์เพื่อไปลงที่สถานีที่จะไปยังสถานที่่สุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คืออาราชิยามะ รถไฟที่เรานั่งไปยังอาราชิยามะนั้นเรียกได้ว่าเป็นรถไฟแบบโลคอลสุดๆ คือมีแค่โบกี้เดียว […]

DIARY Mint ::Day 12::

วันนี้หยุดเรียนแล้ว ไม่ต้องไปเรียน แต่ว่าเพื่อนคนไทยที่เรียนอยู่ที่ 千葉大学 มาหา เลยตื่นเหมือนปกติแล้วนั่งรถไปเจอกันที่สะพาน Dotonburi ไป Dotonburi แต่เช้า คนยังน้อยอยู่เลย แต่ว่าต้องรอรุ่นพี่คนไทยที่เรียนอยู่ที่ 大阪大学 ก็เลยเดินเล่นที่ Shinsaiba-shi ไปก่อน ร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอถึง 10 โมง ก็ไปถ่าย purikura เพื่อเป็นที่ระลึก 555 เช่าชุดธีมดีสนีย์ด้วย ตลกมากๆ จากนั้นไปเล่นเกมจับตุ๊กตาและก็เกมตีกลอง แล้วก็ไปกินร้านดัง PABLO ก็อร่อยดีนะ แต่ว่ายังอร่อยไม่สุด แล้วพวกเพื่อนๆ ก็อยากไปที่ Arashi คาเฟ่กันมาก เลยเข้าคาเฟ่ไป จากนั้นก็ส่งรุ่นพี่กลับไปมหาลัย เพราะว่ามีเรียน เดินเล่นแถว Shinsaibashi ต่ออีกหน่อย แล้วก็นั่งรถไฟไปที่ศาลเจ้า Sumiyoshitaisha เพราะวันนี้เป็นวันที่ศาลเจ้ามีงาน พอดีว่าว่างมากๆ ไปถึงประมาณบ่ายสาม แต่งานเริ่ม 5 โมงแหนะ เลยไปเดินรอบศาลเจ้า คุยกันไปคุยกันมา ช่วงใกล้ 5 โมง เลยกลับไปที่ศาลเจ้า […]

DIARY Khowphun ::Day 12::

วันนี้ปุ้นรีบตื่นแต่เช้าเพราะว่าต้องออกไปรับเพื่อนที่มาจากจังหวัดจิบะ ข้าวเช้าวันนี้ปุ้นกินแค่น้ำชากับโดนัทหนึ่งชิ้น แถมตอนออกจากบ้านไม่ได้บอกโฮสด้วย เพราะโฮสนอนหลับอยู่ยนโซฟาปุ้นเลยไม่กล้าปลุก วันนี้ปุ้นออกมาขึ้นรถเมล์เที่ยวแรกตอนเวลา6โมง53นาที ไปถึงสถานีตอนเจ็ดโมงพอดี แล้วก็รีบวิ่งขึ้นรถไฟ เพราะเพื่อนมาถึงโอซาก้าตั้งแต่เจ็ดโมงแล้ว สถานที่ที่ปุ้นนัดเจอเพื่อนคือที่สถานีอุเมดะ ใช้เวลาประมาณ15นาทีก็มาถึงซะที ปุ้นจึงรีบติดต่อเพื่อน จนได้มาเจอกันตอนประมาณเจ็ดโมงครึ่ง เราตกลงกันว่าจะไปนัมบะกัน แล้วปุ้นก็ส่งไลน์ไปบอกมิ้นให้มาเจอกันที่นัมบะ แล้วปุ้นกับเพื่อนก็นั่งรถไฟจากอุเมดะไปถึงนัมบะตอนประมาณแปดโมงกว่าๆ ปุ้นกับเพื่อนตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอยากจะร้องคาราโอเกะกัน เลยไปตามหาร้านคาราโอเกะที่เปิดตลอด24ชั่วโมงกัน เพราะเพิ่งจะแปดโมงกว่า ร้านคาราโอเกะส่วยในใหญ่จะเปิดเวลาสิบโมงกัน ในที่สุดก็หาจนเจอ ปุ้นกับเพื่อนเข้าไปร้องคาราโอเกะกันประมาณ1ชั่วโมง ตอนร้องก็สั่งเฟรนช์ฟรายด์กับไก่ทอดมากินด้วยเพราะตอนเช้าปุ้นกินแค่โดนัทชิ้นเดียว ส่วนเพื่อนยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กว่าจะร้องเพลงเสร็จก็ประมาณ9โมงครึ่ง มิ้นก็มาถึงนัมบะพอดี เลยไปนัดเจอกันแถวๆป้ายกูลิโกะ พอเจอมิ้นแล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นกันสามคน ซักพักก็เดินเล่นในชินไซบาชิ เพื่อนนัดรุ่นพี่อีกคนนึงไว้ซึ่งรุ่นพี่คนนี้เรียนป.โทอยู่ที่มหาวิทยาลัยโอซาก้า โดยพี่เขาอาสาจะพาพวกเราเที่ยว พอเจอพี่แล้ว ที่แรกที่พี่พาไปคือเกมเซ็นเตอร์ซึ่งชั้นบนจะมีตู้ถ่ายรูปปุริคุระเต็มไปหมด มีบริการชุดคอสเพลย์ด้วยค่าเช่าชุดแค่ครั้งละ100เยนเท่านั้น เราสี่คนเลยตกลงจะคอสเพลย์กันในธีมดิสนีย์ ปุ้นแต่งเป็นมินนี่เมาส์ มิ้นแต่งเป็นมิกกี้เมาส์ เพื่อนอีกคนแต่งเป็นโอลาฟ ส่วนรุ่นพี่แต่งเป็นตัวเอเลี่ยนสามตา แล้วเราก็ไปเลือกตู้ที่จะถ่ายปุริคุระกัน พอถ่ายเสร็จก็มาแต่งรูปซึ่งปุ้นกับมิ้นขอบาย เสร็จจากถ่ายรูปแล้วก็ลงไปเล่นเกมที่ชั้นล่างแป๊บนึงแล้วก็ไปร้านชีสเค้กพลาโบ ไปนั่งกินน้ำกินขนมถ่ายรูปกันซักพัก รุ่นพี่ก็พาไปที่อาราชิคาเฟ่ ซึ่งปุ้นเป็นคนบอกเองว่าอยากไป พอเปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ปุ้นแทบอยากจะกรี๊ด คือทั้งร้านมีแต่รูปอาราชิ แถมช่วงนี้เพิ่งผ่านวันเกิดของนิโนะมิยะ หนึ่งในสมาชิกวงอาราชิมาไม่นานมากด้วย รอบๆผนังร้านจึงมีรูปนิโนะมิยะแผ่นใหญ่ๆแปะอยู่เต็มไปหมด ฟินมากๆเลยค่ะ แต่ว่าเขาให้นั่งได้แค่ชั่วโมงเดียว แถมค่าอาหารยังแอบแพงนิดหน่อยด้วย พอครบชั่วโมง รุ่นพี่ก็ขอตัวกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่อ พวกเราสามคนเลยต้องเที่ยวกันเอง […]

DIARY Mint ::Day 11::

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องมาโรงเรียนแล้ว ใจหายเหมือนกัน วันนี้ดีใจมากได้เรียนกับ 柴田先生 ด้วย แอบชอบอาจารย์มาตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว อาจารย์เป็นคนแลดูห้าวๆ พูดจาห้าว แต่เป็นคนใส่ใจกับนักเรียน และเอ็นดูนักเรียนมากๆ วันนี้เรียนภาษาญี่ปุ่นจากเพลง ซึ่งเป็นเพลงที่เพิ่งฟังมาจากร้านราเมงเมื่อวาน เพลงชื่อว่า 日々 เกี่ยวกับชีวิตของคุณตาคุณยาย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอะไรกันต่อ เพราะว่าเพื่อนชวนอาจารย์คุย กลายเป็นชั่วโมง 会話 ไปเลย มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ Michael มาจากอินโดนีเซีย มาเป็น 留学生 1 ปี เป็นคนที่เรียนจริงจังมากๆ เค้าบอกว่ารู้สึกเสียเวลา อยากเรียนเรื่องยากๆ กว่านี้ แล้วก็มีโอกาสได้พูดคุยกันทั้งห้องเลย คนในห้องเพิ่งรู้ว่าวันนี้มาเรียนเป็นวันสุดท้าย คนที่ไม่เคยคุยกันก็เลยได้คุยกันซะงั้น มีเด็กอายุ 17 เอง แต่เก่งภาษาญี่ปุ่นมากๆ ชื่อ ブンちゃん มาจากไต้หวันกับเพื่อนไต้หวันอีกคนหนึ่งชวนไปกินซูชิ แล้วก็ไมเคิลด้วย แต่ว่าก็ไม่ได้กินด้วยกัน เพราะว่าหลังเลิกเรียนต้องเข้าพบไปพูดคุยและรับมอบเกียรติบัตรจากครูใหญ่ หลังจากรับมอบเกียรติบัตรเสร็จ ฝนตกแรงมากเลยนั่งรอในโรงเรียน พอฝนซา กำลังจะออกไป ครูใหญ่พาไปเลี้ยง お弁当 ที่ร้านตรงข้ามกับโรงเรียนซะงั้น เป็นร้านที่ไม่เคยเห็นเลยทั้งๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนแท้ๆ อร่อยมากๆ และก็นั่งคุยกับครูใหญ่ไป […]

DIARY Khowphun ::Day 11::

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะไปโรงเรียนแล้ว กิจวัตรยามเช้าก็เหมือนกับทุกๆวัน พอมาถึงโรงเรียน ก็รู้สึกใจหายนึดหน่อย นี่วันสุดท้ายแล้วจริงๆหรอ เพิ่งมาได้ไม่กี่วันเอง วันนี้เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่เลย คาบเรียนวันสุดท้ายนี้อาจารย์ให้ฟังเพลง แล้วใก้ทุกคนร้องเพลงกัน เพลงที่อาจารย์ให้ฟังวันนี้ชื่อเพลงว่า Hibi ตอนฟังคือตกใจมาก เพราะร้านราเมงที่ไปกินตอนกลางวันเมื่อวานก็เปิดเพลงนี้ 555 พอหมดคาบเรียนปกติปุ้นกับมิ้นจะรีบเดินออกจากห้องทันที แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เราต้องรอพบครูใหญ่ของโรงเรียนเพื่อรับใบประกาศณียบัตรว่าจบคอร์สเรียนจากที่นี่แล้ว เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งเราเข้าไปที่ห้องของครูใหญ่เพื่อรับใบประกาศจากมือของครูใหญ่แล้วก็พูดคุยกับครูใหญ่อีกพักหนึ่ง ยังคุยไม่ไม่ทันเสร็จดีฝนก็ตกลงมาหนักมาก ทำให้ปุ้นกับมิ้นต้องรออยู่ในโรงเรียนจนกว่าฝนจะซา พอฝนเริ่มซาปุ้นกับมิ้นก็จะเดินออกไปหาข้าวกินกัน แต่เจอครูใหญ่พอดี ครูใหญ่เลยพาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านขายสลัด ในร้านมีสลัด หมูทอด มักกะโรนี โอนิกิริ และอื่นๆอีกมากมาย ให้เลือกตักกัน ปุ้นมิ้นและครูใหญ่ก็นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ในร้านนั้น แล้วก็นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ จนประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง เราจึงกล่าวขอบคุณครูใหญ่แล้วก็แยกย้ายกัน วันนี้ปุ้นกับมิ้นไปที่ Banpaku Kinen Kouen กันอีกรอบเนื่องจากเมื่อวานไปแล้วปิด ยังไงวันนี้ก็ต้องไม่พลาด เราไปถึงจุดหมายกันตอนเกือบๆจะสี่โมงเย็นแล้ว เราจึงมีเวลาเดินในสวนกันแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเพราะสวนปิดตอนห้าโมง พอเข้าไปปุ๊บเราก็รีบเข้าไปถ่ายรูปกับ Taiyo no Tou ก่อนเลย แล้วก็เดินไปรอบสวน ซึ่งสวนมันกว้างมากๆ มีสวนดอกทานตะวัน และดอกไม้อื่นๆมากมาย เสียดายมากๆที่มีเวลาเดินแค่ชั่วโมงเดี๋ยว เพราะถ้ามีเวลามากกว่านี้เราอาจจะได้เข้าไปที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ภายในสวนแห่งนี้ก็ได้ พอใกล้เวลาห้าโมงก็มีเสียงประกาศว่าสวนใกล้จะปิดแล้ว พวกเราจึงเดินดูรอบๆสวนอีกนิดหน่อยแล้วเดินออกมา พอถึงเวลาห้าโมงทางสวนก็เปิดทำนองเพลงสามัคคีชุมนุม […]

DIARY Mint ::Day 10::

คลาสเรียนในวันนี้เรียนคันจิกับอาจารย์ผู้ชาย ชื่อจำไม่ได้55 รู้สึกเป็นคลาสที่มีสาระ แล้วก็ดูได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นมากๆ ชอบคลาสในวันนี้ คือไม่ได้เรียนแค่คันจิอย่างเดียว แต่ว่าเรียนความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับญี่ปุ่นด้วย จากนั้นก็เรียน 会話 ให้แบ่งคู่กันฝึกซ้อม ได้คู่กับเพื่อนชาวไต้หวัน แล้วก็เรียน 関西弁 ด้วย ชอบมากๆ เรียนประโยคที่ว่า あつはなついです。มาจาก 夏は暑いです。และก็ なんでやねん (อะไรของเอ็งฟะ?!) 555555 ชอบๆๆ พอเลิกเรียนก็ไปกินข้าวแถวสถานี Kamishinjo ไม่รู้จะกินร้านอะไรดี เพราะคิดว่ากินหมดละ แต่ไปเจอร้านราเมงที่แอบซ่อนอยู่ในสถานี อร่อยมากๆ ชอบมากๆ ร้านนี้ จากนั้นก็นั่งรถไฟไปเที่ยวที่ 万博公園 แต่ว่ามันปิดวันพุธแฮะ อุตส่าห์นั่งรถไฟมาตั้งเกือบชั่วโมง ทีนี้เลยไม่มีแพลนไปไหนเลย ตัดสินใจจะไปที่ 中崎町 แต่ว่าพอไปถึงแล้วหาไม่เจอ และมันก็ใกล้เวลาปิดแล้วด้วย เลยถอดใจไปที่อื่นดีกว่า ตอนนั้นรู้สึกว่าอยู่ใกล้อุเมดะพอดี เลยเดินไปอุเมดะ แวะไปดูของที่เพื่อนฝากซื้อกับเก็บไอเท็มที่ต้องซื้ออีกเล็กน้อย แล้วก็ไปขึ้น Umeda sky building เสียค่าเข้าไป 700 เยน วันนี้เป็นวันที่บรรยากาศไม่ค่อยดี เพราะมีเมฆมาก มันเลยดูวิวไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร แต่ก็สวยสไตล์ตึก Observation […]

DIARY Khowphun ::Day 10::

วันนี้ตอนเช้าทุกอย่างเหมือนเดิม วันนี้ที่โรงเรียนสอนคันจิ ซึ่งปุ้นชอบเรียนคันจิมากๆ คาบเรียนวันนี้เลยรู้สึกสนุกมากๆ อาจารย์ให้ออกไปเขียนคันจิหน้าห้องด้วย รู้เลยว่าเขียนเส้นผิด แล้วอาจารย์ก็สอนคันจิแปลกๆให้หลายตัวเลย ได้ความรู้กลับมาเยอะมากๆ เป็นคาบเรียนที่สนุกที่สุดคาบนึงเลย พอเลิกเรียนปุ้นกับมิ้นก็ไปกินราเมงที่หน้าสถานีกัน เป็นรางเมงซุปมิโซะที่อร่อยมากๆ กินจนหมดชามเลย แล้วเราสองคนก็นั่งรถไฟไปยัง Banpaku Kinen Kouen กัน สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่จัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โปเมื่อปีค.ศ.1970 มีสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือ Taiyo no Tou หรือหอคอยแห่งแสงอาทิตย์ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นมาก แต่วันนี้พอไปถึงปรากฏว่าสวนสาธารณะปิดทุกวันพุธ เลยมาเสียเที่ยวเลย ปุ้นกับมิ้นเลยตกลงกันว่าจะมากันใหม่พรุ่งนี้ วันนี้เราเลยเปลี่ยนแผนเที่ยวกันไปเที่ยวกันแถวอุเมดะแทน พวกเราหน้าไปยังอุเมดะ แล้วเดินเท้ากันไปยังตึกUmeda Sky Building ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้า ที่ชั้นบนสุดมีจุดชมวิวรอบๆเมืองโอซาก้า พวกเราขึ้นไปถ่ายรูปวิวของเมืองโอซาก้ากัน แต่ปุ้นเดินได้แค่แป๊บเดียวก็ขอลงมารอข้างล่างเพราะปุ้นกลัวความสูง เลยปล่อยให้มิ้นถ่ายรูปอยู่คนเดียว555 แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้กลับถึงบ้านตอนทุ่มกว่า วันนี้โฮสทำโอโคโนมิยากิให้กิน โฮสกับลูกสาวกินกันเรียบร้อยแล้วปุ้นเลยนั่งกินคนเดียว โฮสให้ปุ้นกินตั้งสองชิ้น ความจริงคือปุ้นอิ่มตั้งแต่ชิ้นแรกแล้ว แต่ก็ยัดเข้าไปจนหมด เพราะมันอร่อยๆจริงๆ พอกินเสร็จแล้ว ปุ้นก็ไปนั่งดูทีวีกับโฮสวันนี้มีรายการพิเศษ เป็นรายการเพลงประจำปีชื่อว่า FNS ปุ้นก็นั่งดูไปเรื่อยๆมีวงที่ปุ้นชอบมาออกด้วย ทั้งโฮสทั้งลูกสาวโฮสก็ดูจนไม่มีใครยอมไปอาบน้ำ สุดท้ายพอวงที่ปุ้นชอบร้องเสร็จแล้ว ปุ้นเลยขอไปอาบน้ำก่อนแล้วมานั่งดูต่อจนรายการจบตอนห้าทุ่ม แล้วก็ไปนอน

DIARY Mint ::Day 9::

วันนี้เรียนกับอาจารย์คนที่เคยลองไปเรียนดูวันแรก อาจารย์ออกแนวสไตล์ฮาและน่ารัก แต่ก็สอนดีเหมือนกัน วันนี้เรียนเรื่องเทศกาลของญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม ได้อธิบายเทศกาลสงกรานต์ด้วย ดูทุกคนจะตกใจกันมากที่สงกรานต์เราเอาน้ำมาสาดกัน แล้วสาดใครก็ได้ด้วย 555 จากนั้น วันนี้ข้าวปุ้นต้องไปเที่ยวกับโฮส เราเลยอยู่คนเดียว ตอนแรก ไม่รู้ว่าจะไปกินอะไรดีเลยเข้าแฟมิลี่มาร์ท กะจะเข้าไปกินมาม่ารสต้มยำกุ้ง แต่ว่ามันหมดแล้ว เลยกินเมลอนปังแทน แล้วนั่งคิดอะไรนิดหน่อยอยู่ที่แฟมิลี่มาร์ท ดีมากๆ เลยตรงที่มีที่ให้นั่ง จากนั้น ก็ไปกินทาโกะยากิแถวสถานี Kamishinjo แล้วก็ไม่รู้จะไปไหนดี เลยไปเที่ยว The National Art Museum of Osaka ฝั่ง Kita Nakanoshima แต่พอไปถึงเหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวที่จะสามารถดูศิลปะได้ เลยถ่ายรูปแค่ข้างหน้า แล้วก็ไปเดินเล่นแถว 中之島公園 แถวนี้เหมือนเป็นย่านคนทำงาน มีบริษัทนั่นนี่เต็มไปหมดเลย แล้วก็มีแต่คนทำงานด้วย สวน Nakanoshima กว้างขวางมาก น่าจะใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงได้ ในสวนประกอบไปด้วยหลายส่วนมาก แต่มีส่วนหนึ่งที่ชอบคือ バラ園 เป็นสวนกุหลาบฮะ แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังบานอยู่ ชอบดูดอกไม้มากๆ เลย มันเลยเพลินมากๆ […]

DIARY Khowphun ::Day 9::

วันนี้ตื่นหกโมงครึ่งเวลาเดิม ข้าวเช้าเป็นน้ำชากับขนมปังเหมือนเดิม ออกจากบ้านเจ็ดโมงครึ่งเวลาเดิม ไปถึงสถานีคามิชินโจตอนแปดโมงครึ่ง รอมิ้นมาแป๊บนึงแล้วก็ไปโรงเรียนด้วยกัน วันนี้ที่โรงเรียนเรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้วก็ถามประสบการณ์ของแต่ละคนว่าเคยไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง ก็คุยกันไปสนุกสนานเลยทีเดียว พอเลิกเรียนแล้วปุ้นก็แยกกับมิ้น เพราะวันนี้โฮสชวนไปเที่ยวที่อุเมดะ ปุ้นจึงรีบไปที่อุเมดะ พอถึงแล้วก็โทรหาโฮสว่าโฮสอยู่ที่ไหน แล้วรีบไปหาโฮส วันนี้โฮสมากับลูกสาวแค่สองคน ที่แรกที่ไปกันคือHep Five ไปถ่ายรูปปุริคุระกับโฮส จากนั้นก็ไปร้องคาราโอเกะกัน เพราะปุ้นบอกโฮสว่าอยากร้องเพลงมาก สรุปว่าโฮสซื้อชั่วโมงคาราโอเกะให้ปุ้นสามชั่วโมง โฮสกับชูกะจังลูกสาว ร้องเพลงกันอยู่แค่ห้าหกเพลง ส่วนที่เหลือเขายกให้ปุ้นร้องหมดเลย ปุ้นเลยจัดเต็มร้องจนคอแห้งเสียงแหบเลยทีเดียว ปุ้นก็ไม่รู้ว่าโฮสจะปวดหัวรึเปล่านะ เพราะเสียงปุ้นมันแย่มาก 55555 กว่าจะร้องเสร็จก็หกโมงเย็นแล้ว โฮสเลยพาไปหาข้าวเย็นทานกัน วันนี้เราไปกินราเมงกัน ปุ้นสั่งทันตัมเมง เพราะอยากกินอะไรเผ็ดๆ สรุปทุกคนสั่งทันตัมเมงกันหมด รสชาติอร่อยดี พอกินข้าวเสร็จโฮสก็ถามว่าอยากไปที่ไหนอีกไหม ปุ้นเลยบอกไปว่าอยากไปทาวเวอร์เรคคอร์ด โฮสเลยพาไป ปุ้นเลยได้ดีวีดีอาราชิที่เพิ่งออกวันนี้เลยมาหนึ่งแผ่นสมใจ แล้วเราสามคนก็กลับบ้านกัน พอถึงบ้านปุ้นเลยขอบคุณโฮสใหญ่เลย เพราะความจริงโฮสก็ยุ่งๆแต่ก็หาเวลาพาปุ้นไปเที่ยว ดีใจมากๆเลย  

DIARY Mint ::Day 8::

วันนี้โฮสทำสปาเกตตี้ให้กิน จริงๆ เหมือนโซบะผัดมากกว่าอะ แต่อร่อยมากๆ ชอบๆ อยากได้สูตร วันนี้ไปโรงเรียน เป็นวันแรกของ 夏休み ที่ทุกคนที่มาเรียนระยะยาวหยุดกลับบ้านกลับประเทศกันหมด ส่วนคนที่เรียนระยะสั้นก็ถูกยุบมาอยู่ห้องเดียวกันหมดเลย เลยได้เจอเพื่อนใหม่มากมาย แล้วคนไทยก็อยู่ที่นี่รวมพวกเราแล้วก็ 5 คนได้ อาจารย์ไม่รู้จะสอนอะไรเลยสอนเรื่องเทศกาลในประเทศญี่ปุ่น และก็เทศกาลเดือนกรกฎาคม น่าเบื่อมากๆ เพราะว่าเคยเรียนมาหมดแล้ว 555 พอเลิกเรียนแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน เลยไปกินข้าวที่ Yoshinoya แถวสถานีอีกแล้ว อร่อยมั่กมั่กเลย อยากกลับไปกินอีกทุกๆ วันเลย ไม่เคยกินที่เมืองไทยเลย เพราะคิดว่าไม่อร่อย แต่ชอบมากเลย จากนั้นไปที่ Nisshin Noodle Museum นั่งรถไปไม่ไกลด้วย ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน เด็กเล็กเด็กน้อยเลยปิดเทอมกันอยู่ พอไปถึงเจอขบวนเด็กมากันเป็นแก๊งพร้อมกับห้อยถุงใส่กระป๋องมาม่าทำเอง เหมือนที่นี่จะเล็กกว่า Museum ที่อยู่โยโกฮาม่านะ และก็พอเข้าไปก็เข้าไปทำกล่องมาม่าของตัวเอง คิดอะไรไม่ออก ทำมั่วๆ เลย555 แล้วดูเหมือนว่าเราจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เอาไปใส่พวกเครื่องมาม่าด้วยแหละ จากนั้น Museum ก็ปิด ไปต่อกันที่น้ำตก Minoh มีคนแนะนำมาว่าห้ามพลาด ก็เลยจัดสักหน่อย นั่งรถไฟสุดสายไปจนถึง Minoh […]

DIARY Khowphun ::Day 8::

วันนี้ตื่นมาตอนหกโมงครึ่งเหมือนเดิม อาหารเช้าของบ้านนี้ คิดว่าคงเป็นน้ำชากับขนมปังทุกวันแน่ๆแล้ว แล้วก็ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง ไปถึงสถานีคามิชินโจตอนแปดโมงครึ่ง พอเจอมิ้นเราสองคนก็เดินไปโรงเรียนด้วยกันเหมือนเคย วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนซัมเมอร์ของโรงเรียน ก็ได้เจอเด็กไทยคนอื่นๆด้วย วันนี้ก็เรียนแบบสบายๆไม่ยากมาก เรียนเดี่ยวกับเทศกาลของญี่ปุ่น ก็สนุกดี ได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มด้วย หลังเลิกเรียนพวกเราแวะไปกินข้าวหน้าเนื้อแถวๆหน้าสถานีคามิชินโจ แล้วค่อยเดินทางไปยังจุดหมายของวันนี้คือ นิชชินคัพนูดเดิ้ลแฟคตอรี่ ซึ่งอยู่ที่สถานีอิเคดะ จากสถานีคามิชินโจไปสถานีอิเคดะใช้เวลาไม่นานมากประมาณ20นาทีก็มาถึง จากสถานีเดินไปไม่ไกลมากก็จะถึงนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลแฟคตอรี่ ซึ่งในนี้จะเป็นคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ที่บอกประวัติความเป็นมาของนิชชินคัพนู้ดเดิ้ล แล้วก็ยังมีการสอนทำเส้นบะหมี่ มีการทำถ้วยคัพนูดเดิ้ลเป็นของตัวเองอีกด้วย ความจริงปุ้นเคยไปนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลแฟคตอรี่ที่โยโกฮาม่ามาแล้ว บอกเลยว่าที่โอซาก้าเล็กกว่า แต่ดีกว่าอย่างนึงคือไม่เสียเงินค่าเข้า วันนี้เราตั้งใจมาทำคัพนู้ดเดิ้ลเป็นของตัวเองกัน โดยต้องเสียค่าถ้วยคนละ200เยน แล้วก็มานั่งวาดลายบนถ้วยกัน พอวาดเสร็จแล้วก็เดินไปที่เคาท์เตอร์จะมีคนเอาเส้นบะหมี่ใส่ ให้เราเลือกเครื่องปรุงว่าอยากได้รสไหน จะใส่เครื่องอะไรบ้าง สนุกมากๆเลย และวันนี้ก็มีคุณแม่พาลูกเล็กๆมาเยอะมากๆ พวกเราอยู่กันจนถึงเวลาปิดทำการจึงค่อยเดินออกมา แล้วไปยังเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้คือสถานีมิโน นั่งรถไฟมาไม่นานก็ถึงสถานีมิโน ซึ่งให้อารมณ์เหมือนอยู่ต่างจังหวัดมากๆ สถานที่ที่เราจะไปกันคือน้ำตกมิโน ซึ่งจากสถานีเดินไปยังตัวน้ำตกนั้นเป็นระยะทางประมาณ2.5กิโลเมตร แถมทางขึ้นยังเป็นเนินอีกด้วย ตอนแรกจะถอดใจแล้ว แต่คิดว่าไหนๆก็มาแล้วก็ลองไปดูสักครั้ง พวกเราใช้เวลาเดินกันประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงตัวน้ำตก รู้สึกคุ้มค่ามากๆกับการเดิน2.5กิโลเพื่อมาดูน้ำตก เพราะน้ำตกที่นี่สวยจริงๆ แถมอากาศก็เย็นมากๆจนรู้สึกว่าอยากนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งวันเลย พวกเราถ่ายรูปเก็บบรรยากาศยริเวณน้ำตกกันอยู่เกือบชั่วโมงก็กลับกันเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว ขากลับก็เดินอีก2.5กิโล กลายเป็นว่าเดินไปกลับเป็นระยะทาง5กิโล ไม่รู้ว่าเดินไปได้ยังไง555 วันนี้กลับถึงบ้านตอนสองทุ่มกว่าๆ อาหารเย็นที่โฮสเตรียมให้วันนี้เป็นหมูทอดกับสลัดผัก อร่อยมากๆกินจนอิ่มเลย เพราะโฮสให้หมูทอดชิ้นใหญ่ๆมาตั้งสี่ชิ้น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งคุยกับโฮสนิดหน่อย แล้วก็ไปอาบน้ำ […]

DIARY Mint ::Day 7::

วันนี้นัดกับข้าวปุ้นไว้ตอนประมาณ 8 โมงที่อุเมดะ แต่ว่าตื่นสาย เนื่องจากเมื่อคืนอยู่คุยกับโฮสจนดึกดื่นและเมื่อวานไป 祭り มาอย่างเหนื่อยอะ ตื่นมาตอน 8 โมง รีบร้อนมาก จริงๆ ตื่นมาตอน 7 โมงแล้ว แต่รอให้โฮสเรียกก่อนค่อยลุก 5555 แต่ดันเผลอหลับไปซะงั้น วันนี้โฮสก็ไม่ได้ปลุกด้วยเพราะว่าเป็นวันพักผ่อน เค้าจะตื่นสายกันทั้งบ้าน ตื่นมาแล้วก็กินข้าวที่โฮสเตรียมไว้ให้ แล้วก็ออกจากบ้าน ไปเจอข้าวปุ้นที่สถานีอุเมดะแล้วก็ซื้อ Kansai thru pass 2 days เพราะว่าน่าจะคุ้มดี เสียไป 4000 เยนแหนะ ด้วยวันนี้ที่ตื่นสาย อะไรๆ ก็เลื่อนไปหมด จุดหมายแรกคือไปนารา นั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง พอขึ้นมาก็นั่งรถบัสเสีย 210 เยน ไปที่วัดโทไดจิ เจอกวางก่อนเลยอย่างแรก และเหม็นขี้กวางมาก เกือบเหยียบกับระเบิดไปหลายรอบ จากนั้น เข้าไปในวัด แล้วก็ซื้อแฟ้มนาราเป็นที่ระลึก เป็นแฟ้มที่เท่มากๆ 55 เดินกลับไปสถานี ไปกินราเมงแถวๆ สถานี แล้วก็นั่งรถไฟต่อไปที่เฮียวโกะ […]

DIARY Khowphun ::Day 7::

วันนี้ปุ้นกับมิ้นแพลนกันไว้ว่าจะไปนารากับโกเบ ตอนที่ปุ้นบอกโฮส โฮสก็ถามปุ้นว่ารู้รึเปล่าว่านาราอยู่ตรงไหนแล้วโกเบอยู่ตรงไหน555 คือถ้าเอาโอซาก้าเป็นจุดศูนย์กลาง โกเบจะอยู่ทางซ้ายของโอซาก้า ส่วนนาราอยู่ทางขวาของโอซาก้า พูดง่ายๆคืออยู่กันคนละทางเลย แต่ปุ้นก็รู้อยู่แล้ว และก็คุยกับมิ้นแล้วว่าที่นารากับโกเบที่เที่ยวมันไม่มากเท่าไหร่ น่าจะเก็บหมดภายในวันเดียว ตอนเช้าเรานัดเจอกันที่สถานีอุเมดะ แต่มิ้นยังไม่มาปุ้นเลยไปซื้อข้าวปั้น กับขนมมากินรอ สุดท้ายมิ้นส่งไลน์มาบอกว่าจะมาช้า ให้ปุ้นไปหาที่ซื้อตั๋วคันไซ ทรูพาสไว้ก่อนเลย ปุ้นเลยเดินไปหาที่ซื้อตั๋วซึ่งต้องไปซื้อที่สถานีเจอาร์โอซาก้า เดินจากสถานีอุเมดะไปประมาณ5นาทีก็มาถึง ปุ้นยืนรอมิ้นอยู่หน้าที่ขายตั๋วซักพักมิ้นก็มา แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วกัน โดยตั๋วมีราคา4000เยน สามารถขึ้นรถไฟได้สองวัน วันละกี่รอบก็ได้ แถมมีบัตรส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแนบมาด้วย เป็นตั๋วที่คุ้มค่ามากๆ พอซื้อตั๋วเสร็จพวกเราก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังนารา โดยสถานที่ที่เราจะไปกันนั้นมีแค่ที่เดียวคือวัดโทไดจิ ซึ่งมีไดบุทสึองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ นอกจากนั้นไฮไลท์ของวัดนี้คือกวางที่มีอยู่เป็นร้อยๆตัวทั่วบริเวณหน้าวัด พวกเราอยู่ในวัดกันเป็นชั่วโมงก่อนจะออกมาหาข้าวกลางวันกินกัน มื้อเที่ยงวันนี้เป็นราเมงไก่สับ ใส่ไข่ต้ม อร่อยดี แล้วเราก็รีบขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ต่อไปคือโกเบ แต่คุยกันไปคุยกันมากลายเป็นว่า มิ้นอยากไปดูปราสาทฮิเมจิ เราเลยนั่งรถไฟยาวๆไปลงที่ฮิเมจิ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งนั่งรถไฟกันตูดแฉะ ในที่สุดพวกเรามาถึงปราสาทฮิเมจิกันตอนห้าโมงเย็น ซึ่งหมดเวลาเข้าชมแล้ว พวกเราเลยเข้าไปได้แค่สวนใหญ่ที่อยู่หน้าปราสาทเท่านั้น แต่ก็เห็นปราสาทฮิเมจิได้อย่างชัดเจน พวกเราก็เดินถ่ายรูปเล่นกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาเพื่อไปยังสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ โกเบ กว่าจะนั่งรถไฟมาถึงโกเบก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ที่ที่เราไปกันคือหอคอย Kobe Port ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ บอกเลยว่าเที่ยวตอนกลางคืนนี่ดีมากๆ เพราะไม่มีแดด และไฟขอหอคอยที่เปิดตอนกลางคืนมันสวยมากๆ ฝั่งตรงข้ามกอคอยจะเป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ […]