DIARY Mint ::Day 6::

วันนี้ตื่นสายอีกละ เพราะคนที่บ้านนอนกันดึกมากๆ แล้วเราก็ไม่กล้านอนก่อนเค้า เกรงใจ เลยเจอกับข้าวปุ้นประมาณ 9 โมงได้ พอไปถึงอุเมดะก็ไปเดินเล่นที่คิโนะ เพราะอยากดูเครื่องเขียน จากนั้นนั่งรถไปที่ปราสาทโอซาก้า วันนี้ใช้ตั๋ว one day trip 600yen เพราะคิดว่าน่าจะคุ้มมากๆ วันนี้เป็นวันที่ร้อนมากๆ อีกวันหนึ่ง พอไปถึงปราสาทนี่หมดแรงเที่ยวเลย ขอเติมพลังด้วยราเมงร้านข้างหน้าปราสาทก่อน อยากกินปลาหมึกย่างมาก แต่แพง เลยอดไว้ก่อน กลับไปกินที่ไทย55 เข้าไปดูในปราสาทคนเยอะมากๆ เลย เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะว่าคนเยอะ เลยถ่ายรูปและนั่งพักอยู่ข้างนอกใต้ต้นไม้ ลมเย็นมากๆ เลย ก่อนกลับมีคนมาแสดงกายกรรมแถวรอบๆ ปราสาท ก็เลยยืนดูสักแป๊บ สงสาร เพราะร้อนมากๆ ไม่ค่อยมีใครมาดูเลย เสร็จแล้วไปต่อกันที่สวนสาธารณะ Tennoji นั่งรถไฟมามั่วๆ ก็ขึ้นมาเจอห้าง Abeno มีห้างเยอะแยะมากมายอยู่ติดกันไปหมดอีกแล้ว ก่อนไปสวน Tennoji แวะซื้อเมลอนกินที่ซุปเปอร์แล้วก็เดินไป ปรากฎว่าสวนปิดปรับปรุง55555 ขำมาก เลยเดินรอบนอกสวนที่ลมเย็นเหมือนกัน เดินไปรอบนึงก็ไปนั่งกินขนมข้างๆ สวนสัตว์ Tennoji แล้วก็เดินทะลุไปเจอ Shinsekai กับ […]

DIARY Khowphun ::Day 6::

วันนี้ปุ้นตื่นตอนหกโมงครึ่ง อาหารเช้าวันนี้ก็เป็นน้ำชากับขนมปังปิ้งแผ่นนึง วันนี้ปุ้นกับมิ้นนัดกันจะไปเที่ยวที่ปราสาทโอซาก้า ปุ้นเลยรีบออกจากบ้านไปถึงสถานีอุเมะเดะซึ่งเป็นสถานที่นัดพบเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง แต่มิ้นยังไม่มา ปุ้นเลยเดินเล่นอยู่แถวนั้นจนถึง 10 โมง มิ้นถึงจะมา 555 กว่าจะไปถึงปราสาทโอซาก้าก็เกือบเที่ยงแล้ว แน่นอนว่าแดดร้อนมากๆ มีร่มก็เอาไม่อยู่จริงๆ พอไปถึงปุ้นกับมิ้นก็เดินถ่ายรูปแถวๆนั้นไปพลางๆ พอเดินไปถึงก่อนทางเข้าปราสาท ปุ้นกับมิ้นก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน มื้อนี้ปุ้นกินอุด้ง อร่อยดีราคาก็ไม่แพงมาก แต่น้ำที่นี่ขายแพงกว่าตามร้านสะดวกซื้อนิดหน่อย แต่ก็ต้องซื้อเพราะหิวน้ำ 555 ตรงข้ามทางเข้าปราสาทจะมีศาลเจ้าอยู่ หน้าศาลเจ้ามีรูปปั้นโทโยโทมิ ฮิเดโยชิซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่ แล้วแวะเข้าไปถ่ายรูปด้วยซักหน่อย แล้วค่อยเดินไปที่ตัวปราสาท บริเวณตัวปราสาทมีคนเยอะมากเลย แต่ปุ้นก็ถ่ายรูปได้แป๊บเดียวก็ต้องหาที่หลบแดดเพราะมันร้อนมากๆจนจะเป็นลมแล้ว555 พอออกจากปราสาทโอซาก้ามา พวกเราก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสถานีเทนโนจิ เพื่อไปดูหอคอย Tsutenkaku ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญจุดหนึ่งของโอซาก้า ระหว่างทางเดินที่จะไปหอคอย เราต้องเดินผ่านสวนสาธารณะเทนโนจิก่อนพอออกมาถึงอีกฝั่งของสวนสาธารณะก็จะเจอสวนสัตว์เทนโนจิ ซึ่งปีนี้มีอายุครบ 100 ปีพอดี ถัดจากสวนสัตว์เราจะเจอย่านการค้าที่เรียกว่าชินเซไก หรือแปลเป็นภาษาไทยว่าโลกใหม่นั่นเอง ในย่านการค้านี้จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย และมีจุดที่น่าสนใจคือหน้าร้านเกือบทุกร้านจะมีรูปปั้นเทพเจ้าบิลลิเก็นตั้งอยู่ เทพเจ้าบิลลิเก็นที่ว่านี้เป็นเทพเจ้าที่ให้โชคเรื่องเงิน แต่ปุ้นว่าหน้าตาท่านน่ากลัวไปหน่อยนะ555 พอเดินไปจนถึงใจกลางของย่านการค้าจะมีจุดที่สามารถมองเห็นคอคอย Tsutenkaku ได้อย่างชัดเจน แถมเป็นมุมที่คนนิยมถ่ายกันด้วย พวกรูปที่ลงอยู่ในหนังสือท่องเที่ยวก็น่าจะมาจากมุมนี้เหมือนกัน ตกเย็นปุ้นกับมิ้นก็เดินทางไปยังสถานีเท็นจินบาชิ เพื่อไปงานเท็นจินมัตสึริ ซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงมากๆของโอซาก้า ชาวญี่ปุ่นจะแต่งชุดยูกาตะมาเดินงานนี้กัน […]

DIARY Mint ::Day 5::

วันนี้ตื่นตอน 7 โมงเหมือนปกติ อาหารวันนี้เป็น うなぎ ที่ไม่ชอบแต่ก็ต้องกิน เพราะไม่กล้าปฏิเสธและก็คงไม่มีอาหารอื่นกินแล้วด้วย และก็มีเหมือนยำถั่วงอก และเค้กที่อร่อยและน่ากินมากๆ ที่ลูกสาวซื้อมาให้เมื่อวาน วันนี้อากาศแจ่มใส หลังจากที่ฝนตกมาเมื่อวานทั้งวันเลย ไปโรงเรียน ได้เรียนกับ 柴田先生 อาจารย์ที่คอยดูแลเมื่อวันแรกที่ได้เจอ อาจารย์สอนดีมากๆ ไม่เบื่อเลย แล้วก็ได้สาระ อาจารย์เป็นคนใส่ใจเด็กทุกๆ คนมาก ได้คำศัพท์เยอะ แต่ว่าวันนี้โดนเรียกถามด้วย เมื่อวานขี้เกียจทำการบ้าน เลยไม่รู้คำตอบเลย เลยต้องตั้งใจเรียนมากเป็นพิเศษ เพราะต้องหาคำตอบให้ได้ เนื่องจากว่าพรุ่งนี้จะมีงาน Tenjin matsuri เพื่อนในคลาสก็เลยมาชวน แต่ว่าตอนแรกเข้าใจว่าโฮสจะพาไปเลยปฏิเสธไป แต่จริงๆ แล้วโฮสติดธุระก็เลยไม่ได้ไปกับเพื่อนๆ ในคลาส เลิกเรียนแล้วด้วยความที่ล้มละลาย เลยประหยัดเงินด้วยการกินมาม่าที่แฟมิลี่มาร์ท และก็อยากกินอาหารไทยด้วยแหละ เลยจัดมาม่ารสต้มยำกุ้ง จากนั้นซื้อชูครีมที่ Beard’s papa แถวสถานีกิน จากนั้นไปเดินที่ Shinsaibashi อีกรอบต่อจากเมื่อวาน เนื่องจากระยะทางมันยาวไกลเหลือเกิน และมีร้านให้แวะเยอะแยะมากมายอะ วันนี้เลยไปต่อจากจุดเดิม แล้วก็ล้มละลายมากมาย ช็อปปิ้งไปเยอะมาก เพลียตัวเองมาก ตอนแรกคิดว่าจะได้เจอกับห้าง SOKO แต่พอเดินจนสุดแล้วมันไม่มีอะไร […]

DIARY Khowphun ::Day 5::

วันนี้ตื่นมาตอนหกโมงครึ่งเหมือนเดิม อาหารเช้าวันนี้เป็นขนมปังแท่งยาวๆมีไส้ครีมอยู่ตรงกลาง กับโยเกิร์ตรสพีช แต่ปุ้นกินพีชไม่ได้เลยบอกปฏิเสธโฮสไป สรุปคือได้กินแค่ขนมปังชิ้นเดียว ด้วยความที่ไม่อิ่ม ตอนออกจากบ้านเลยเดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆบ้าน ไปซื้อชีสเค้กมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ วันนี้เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนของนักเรียนปกติ แต่ปุ้นกับมิ้นก็ยังคงต้องเรียนกันต่อไป เพราะถึงแม้นักเรียนส่วนใหญ่จะหยุดปิดเทอม แต่ก็ยังมีนักเรียนบางส่วนรวมถึงปุ้นกับมิ้นที่ต้องมาเรียนช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียน หรือจะเรียกง่ายๆว่ามาเรียนซัมเมอร์ก็ได้ วันนี้เลิกเรียนตอนเที่ยงตรง ปุ้นกับมิ้นก็ไปหาข้าวกินกัน ด้วยความที่มิ้นอยากกินมาม่ามาก มื้อกลางวันวันนี้เลยเป็นนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลรสต้มยำกุ้ง พวกเรานั่งกินกันในแฟมมิลี่มาร์ท ซึ่งในแฟมมิลี่มาร์ทแห่งนี้สะดวกมากๆ มีทั้งห้องน้ำ มีโต๊ะให้นั่งกินข้าว แถมบริเวณโต๊ะมีปลั๊กให้เสียบเล่นโน้ตบุ๊คหรือชาร์จแบตมือถือได้ด้วย ส่วนรสชาติของนิชชินคัพนู้ดเดิ้ลรสต้มยำนั้น ถือว่าอร่อยดีกุ้งก็ตัวใหญ่ดี แต่ความเผ็ดสู้ของไทยไม่ได้ มื้อนี้เป็นมื้อที่ถูกที่สุดตั้งแต่มาญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นปุ้นกับมิ้นก็ไปชินไซบาชิกันอีกรอบ เพื่อไปเดินในส่วนที่ยังไม่ได้ไปเดินเมื่อวานกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเมื่อวานเท่าไหร่ คือมีแต่ร้านขายของเป็นทางยาว เดินกันอยู่ซักพักก็เดินจนสุดทาง พวกเราเลยตกลงกันว่าจะกลับมาที่อุเมดะ แล้วไปที่ Hep Five ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ที่ฮอตฮิตมากในหมู่วัยรุ่น ข้างในมีร้านเยอะมาก แถมมีสวนสนุกอยู่ข้างในด้วย แต่จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือชิงช้าสวรรค์สีแดงที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ปุ้นกับมิ้นจึงตกลงกันว่าจะขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน ทั้งๆที่กลัวความสูงกันทั้งคู่ แต่ไหนๆมาแล้วขอลองสักครั้งแล้วกัน ค่าขึ้นชิงช้าสวรรค์ก็คนละห้าร้อยเยน ชิงช้าสวรรค์คือสูงมากๆ เห็นบริเวณรอบๆเมืองหมด เห็นภูเขาด้วยสวยมากๆเลยค่ะ พอเที่ยวกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนอย่างเคย ข้าวเย็นวันนี้เป็นปลาแซลมอนอบ ผักต้ม ปลาหมึกย่าง อร่อยมากๆ โดยเฉพาะปลาแซลมอนอบพอจิ้มกับซอสแล้วฟินมากๆค่ะ วันนี้ลูกชายโฮสกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ […]

DIARY Mint ::Day 4::

ตอนนี้เริ่มชินกับเวลาตื่นแล้ว คือตื่น 7 โมง แล้วก็กินข้าว ออกจากบ้านตอน 8 โมง เริ่มเรียนตอน 9 โมง ชอบอาหารมื้อเช้าวันนี้มากๆ เพราะว่ามีเมลอน โฮสรู้ว่าชอบกินเมลอนมากๆ เลยซื้อมาให้เป็นลูกเลย แต่อากาศวันนี้ไม่ดีเท่าไหร่ ฝนตกแต่เช้าเลย ดูท่าว่าจะตกเปาะแปะทั้งวันด้วย และก็ติดใจบ๊วยรสวนิลลาเมื่อวานมากๆ เลยลองบ๊วยแบบอื่นกินดู เผื่อจะอร่อยเหมือนวันก่อนที่กินไป จากนั้นก็ไปโรงเรียน เรียนเรื่องเกี่ยวกับคำศัพท์ในการทำอาหาร สนุกมากๆ อาจารย์ผู้หญิงผมสั้น คนนี้ก็สอนดีมากๆ ใส่ใจทุกรายละเอียด แต่การบ้านเยอะมากๆ เลย อาหารมื้อกลางวัน กินที่ KFC แถวสถานี อยากลองดูว่า KFC ที่ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ไก่ที่นี่ไม่เรียกว่า KFC แต่เรียกว่า Kentucky Chicken แล้วก็ไม่กินซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และก็เฟรนชฟรายกัน แต่กินไก่เปล่าๆ กับมันฝรั่งทอดที่แผ่นคล้ายเลย์แทน งงๆ เหมือนกัน ไก่ก็อร่อยดีนะแต่เค็มมากไปหน่อย อยากได้ซอส แผนการเที่ยวของวันนี้ เริ่มต้นที่นัมบะ นั่งรถไฟไปลงที่นัมบะ แล้วก็เดินยาวไปเรื่อยๆ ทาง […]

DIARY Khowphun ::Day 4::

วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า แถมมีลมแรงมากๆ ตอนออกจากบ้านไปโรงเรียน ถึงจะกางร่มก็ยังเปียกอยู่ดี แถมการจราจรยังล่าช้าไปนิดหน่อย เพราะถนนลื่นขับรถเร็วไม่ได้ วันนี้รถเมล์เลยมาช้ากว่ากำหนดไปนิดนึง เลิกเรียนแล้วก็ไปกินเคเอฟซีกับมิ้น เคเอฟซีที่ญี่ปุ่นมีเมนูที่แตกต่างกับไทย บางอย่างของไทยก็ดูน่ากินกว่า แต่บางอย่างของญี่ปุ่นก็น่ากินกว่า วันนี้ปุ้นลองสั่งชุดแฮมเบอร์เกอร์สไปซี่ดู เพราะอยากกินอะไรเผ็ดๆ แถมในชุดยังมีเฟรนฟรายด์แบบพิเศษ ซึ่งมีขายเฉพาะช่วงหน้าร้อนอีกด้วย ที่น่าแปลกใจคือ คนญี่ปุ่นเค้าไม่กินเฟรนฟรายด์กับซอสมะเขือเทศ ด้วยความที่สงสัยมากจึงไปถามโฮส ได้ความว่า คนญี่ปุ่นเขาคิดว่าเฟรนช์ฟรายด์มันโรยเกลืออยู่แล้ว มันมีรสชาติอยู่แล้วจะจิ้มซอสอีกทำไม แต่ว่าถ้าอยากได้ซอสก็ขอได้จากพนักงาน ไม่มีให้กดๆแบบบ้านเราค่ะ ส่วนรสชาติของแฮมเบอร์เกอร์สไปซี่นั้น คิดว่าคงเผ็ดสำหรับคนญี่ปุ่น ถ้าเอามาเทียบกับซิงเกอร์เบอร์เกอร์ของเคเอฟซีบ่านเราเนี่ย ของญี่ปุ่นชิดซ้ายไปเลย แต่รสชาติอร่อยค่ะ พอกินข้าวเที่ยงกันเรียบร้อยแล้ว ปุ้นกับมิ้นก็นั่งรถไฟไปยังสถานีนัมบะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในโอซาก้าไม่แพ้อุเมดะเลย เราเดินดูร้านค้าในชั้นใต้ดินซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ ซึ่งมีร้านค้าเยอะมากๆ สามารถเดินอยู่ในนั้นได้ทั้งวันเลยก็ว่าได้ จากนัมบะเดินไปเรื่อยก็จะไปถึงชินไซบาชิ และโดทงโบริ ซึ่งถือเป็นย่านการค้าที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากๆของโอซาก้า ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ ป้ายไฟกูลิโกะขนาดใหญ่ ซึ่งใครที่มาที่นี่จะต้องแชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันถ้วนหน้า แต่สำหรับปุ้น ปุ้นไม่ได้สนใจป้ายกูลิโกะเท่าไหร่ ปุ้นสนใจป้ายที่อยู่ตรงข้ามป้ายกูลิโกะมากกกว่า ป้ายนั้นก็คือ ป้ายโฆษณาของแผ่นแปะบรรเทาปวดยี่ห้อซาลอนพาส ที่นิโนะมิยะ วงอาราชิเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะตอนที่ปุ้นไปถึงบริเวณป้ายกูลิโกะ ปุ้นรีบวิ่งไปถ่ายรูปกับนิโนะมิยะก่อนเลย เนื่องจากชินไซบาชิเป็นถนนการค้าที่มีเส้นทางยาวมาก ปุ้นกับมิ้นไม่สามารถเดินได้หมด จึงแยกย้ายกันกลับบ้านก่อน แล้วนัดกันว่าพรุ่งนี้จะมาเดินกันใหม่ วันนี้กลับถึงบ้านประมาณสองทุ่มครึ่ง ข้าวเย็นที่โฮสเตรียมไว้ให้คือ […]

DIARY Mint ::Day 3::

วันนี้ตื่นมาตอน 7 โมง อาหารมื้อเช้าเป็นแบบ American Breakfast มากๆ วันนี้ฝนตกทั้งวันตามพยากรณ์อากาศ อย่างเซ็งเลย ที่โรงเรียน วันนี้เรียนไวยากรณ์แล้วก็เฉลยแบบฝึกหัดต่อ เป็นคลาสที่น่าเบื่อและง่วงนิดๆ ด้วย ตอนกลางวันไปกินอาหารเกาหลีที่ Yodoshicamera เพราะว่าอาหารญี่ปุ่นมันจืดมากๆ เลยไปหาอะไรเผ็ดกินๆ คือ Soondubu วันนี้เป็นวันที่ไม่มีอะไรมาก ตะลุยอุเมดะทุกซอกทุกมุม และเก็บไอเท็มที่อยากได้กับของที่คนอื่นฝากซื้อ ไปเดินมารอบอุเมดะเลย ช็อปปิ้งทั้งวัน แล้วก็กลับบ้าน

DIARY Khowphun ::Day 3::

วันนี้ตื่นนอนตอนหกโมงครึ่ง ข้าวเช้าเป็น ขนมปังกับโยเกิร์ต ซึ่งไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ พอกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งดูทีวีซักพัก แล้วไปเปลี่ยนเสื้อ เพื่อเตรียมตัวออกไปเรียน วันนี้ต้องเดินไปขึ้นป้ายรถเมล์เองคนเดียวเป็นครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าจำทางได้ แต่พอลองเดินดูคนเดียวกลับหลงทางจนได้ สุดท้ายต้องใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทาง กว่าจะไปถึงป้ายรถเมล์ใช้เวลาอยู่ประมาณสิบห้านาที ทำให้ตกรถเมล์ สุดท้ายต้องรอรถเมล์รอบแปดโมง ซึ่งทำให้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียนรวนไปหมด จนเกือบไปเรียนสาย แต่สุดท้ายก็วิ่งมาจนถึงโรงเรียนทันเวลาพอดี การเรียนวันนี้เรียนเกี่ยวกับไวยากรณ์ ซึ่งเคยเรียนจากมหาวิทยาลัยมาแล้ว แต่ก็นั่งจดเพื่อเป็นการทบทวนไปในตัวด้วย วันนี้ปุ้นกับมิ้นไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่อุเมดะ เราเดินหาร้านอาหารกันไปเรื่อยๆจนไปเจอร้านอาหารเกาหลี จึงตกลงกันว่าจะกิน เพราะมิ้นอยากกิน กว่าจะกินข้าวเสร็จก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว พวกเราเลยเดินเล่นกันในโยโดบาชิคาเมร่ากันจนถึงเย็นแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้ปุ้นไม่ได้กินข้าวที่บ้านเพราะตอนกลางวันกินจนอิ่มมากๆ ตอนกลับบ้านวันนี้ปุ้นก็หลงทางอีกแล้ว ยังไม่ชินกับทางสักที ยิ่งพอเย็นแล้วฟ้าเริ่มมืดยิ่งจำทางไม่ได้ใหญ่เลย สุดท้ายก็ต้องพึ่งกูเกิ้ลแมปอีกตามเคย สุดท้ายก็กลับบ้านถูก พอกลับถึงบ้านก็อาบน้ำ แล้วก็นั่งดูละครกับโฮส แล้วก็คุยกับโฮส รู้สึกว่าได้พูดกับโฮสมากขึ้น ไม่ตื่นเต้นมากเท่าวันแรกแล้ว

DIARY Mint ::Day 2::

วันนี้แม่มาปลุกตอน 7 โมง เพราะตั้งนาฬิกาไว้แล้วไม่ตื่น 555 ด้วยความที่เหนื่อยมาก คงหลับลึก จากนั้นก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ มื้อเช้ากินผลไม้ นม และน้ำส้ม และก็ออกไปโรงเรียนตอน 8 โมง เดินไปที่สถานีเอง นั่งรถไฟไปลงสถานีอะวาจิเพราะต้องไปเปลี่ยนรถที่นั่น พอไปถึงอะวาจิ เปลี่ยนรถสายผิด เพราะไม่มีภาษาอังกฤษ แล้วป้ายก็เยอะแยะสับสนไปหมด จนกระทั่งหาทางไปได้ เลยไปถึงโรงเรียนสายเลย เค้านัด 9 โมง แต่ไปเกือบสิบโมง ตอนนี้ที่โรงเรียนเงียบมาก เพราะใกล้หยุดหน้าร้อน คลาสที่เรียนเลยมีน้อย เค้าให้ลองไปนั่งเรียนสองคลาสคือ ไวยากรณ์ n2 กับระดับ 3-2-1 แต่ชอบอันหลังมากกว่า เลยบอกว่าจะเรียนคลาสหลัง ส่วนใหญ่เรียนมาหมดแล้ว แต่มาเน้นฟังกับพูดมากกว่า แล้วก็เน้นศัพท์ยาก อาจารย์พยายามอย่างมากในการอธิบาย แต่มันค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เราชอบมาก เลยยืนยันที่จะเรียน มีการบ้านด้วย555 ในคลาสมีประมาณ 10-20 คนไม่เยอะมาก มาจากหลายชาติทั่วโลก พอเลิกเรียนตอนบ่ายโมงก็ไปหาข้าวกินที่อุเมดะเพราะหิวมากๆ ไปนั่งกินชาบูตง แล้วก็ช็อปปิ้ง ล้มละลายมาก กะว่าจะไม่ซื้ออะไร แต่อยากได้ไปหมด55555 เหนื่อยมาก […]

DIARY Khowphun ::Day 2::

วันที่สองของการมาโฮมสเตย์ วันนี้เป็นวันแรกที่จะต้องเดินทางไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งโรงเรียนที่ปุ้นและมิ้นได้ไปเรียนกันคือ Nihon Riko-Jyoho Institute (Kamei Gakuen) อยู่ที่โอซาก้าค่ะ เนื่องจากปุ้นไม่รู้วิธีการไปสถานีรถไฟ เพราะยังจำทางไม่ได้ และไม่รู้วิธีการเดินทางไปโรงเรียน วันนี้โฮสจึงให้ลูกสาวของโฮสพาออกมาส่ง ซึ่งจากบ้านไปที่สถานีรถไฟนั้นจะต้องนั่งรถประจำทางไป โดยรถประจำทางที่นี่จะมาตรงเวลามากๆ จึงต้องดูตารางเดินรถดีๆเพื่อที่จะได้ไม่ตกรถ เมื่อขึ้นรถเมล์แล้วก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะมาถึงสถานีรถไฟโซเนะ แล้วลูกสาวโฮสก็สอนวิธีขึ้นรถไฟ ว่าต้องเปลี่ยนรถที่ไหน รถไฟแบบไหนที่ขึ้นได้และขึ้นไม่ได้ เนื่องจากรถไฟจากสถานีโซเนะไปยังสถานีคามิชินโจ ซึ่งเป็นสถานีที่เป็นจุดหมายปลายทางนั้น ต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีจูโซ ทำให้ตอนแรกรู้สึกงงๆ สุดท้ายก็มาถึงสถานีคามิชินโจ แล้วลูกสาวโฮสก็ขอแยกตัวไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพราะนัดกับเพื่อนไว้ สุดท้ายปุ้นก็เลยเดินสำรวจบริเวณสถานี เพราะมิ้นยังไม่มา และแล้วปุ้นกับมิ้นก็ไปถึงโรงเรียนกันตอนเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง ตอนแรกนึกว่าที่โรงเรียนจะให้ทำแบบทดสอบเพื่อเลือกห้องเรียน แต่กลายเป็นว่า เขาให้เราเข้าไปนั่งเรียนทีละห้อง แล้วเลือกห้องที่ชอบมากที่สุด สรุปคือปุ้นกับมิ้นเลือกห้องซี ซึ่งกำลังเรียนเนื้อหาของระดับ N2 กันอยู่ บรรยากาศในห้องเรียนก็จะดูเครียดๆนิดหน่อย พอถึงเวลาพักก็มีพี่คนไทยเดินเข้ามาคุยด้วย พี่ๆคนไทยที่นี่ใจดี เป็นกันเองมากๆเลย เวลาเรียนของโรงเรียนนี้จะเริ่มตั้งแต่เก้าโมงครึ่งถึงบ่ายโมงสิบห้านาที เพราะฉะนั้นระหว่างคาบพักควรจะหาอะไรมากินรองท้องด้วย พอเรียนเสร็จแล้วข้าวปุ้นกับมิ้นก็นั่งรถไฟจากสถานีคามิชินโจ ไปยังสถานีอุเมดะเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงบ่าย สุดท้ายมาลงเอยที่ร้านชาบูตงในโยโดบาชิคาเมร่า พอกินเสร็จก็เดินสำรวจของในโยโดบาชิคาเมร่ากันนิดหน่อย แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนกลับบ้านก็มาถึงสถานีโซเนะได้อย่างปลอดภัย แต่เกิดเรื่องตอนขึ้นรถประจำทาง เพราะเคยขึ้นรถประจำทางจากบ้านมาสถานี แต่ยังไม่เคยนั่งจากสถานีกลับบ้านเลย พอขึ้นรถเลยรู้สึกกลัวๆ ต้องคอยฟังชื่อป้ายอยู่ตลอด […]

DIARY Mint ::Day 1::

วันนี้เป็นวันเดินทางไปโอซาก้าโดยสายการบิน China Airline เพิ่งเคยขึ้นสายการบินนี้เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมากๆ โดยมีสาเหตุหลายอย่างคือ 1) พายุ NANKAI เพิ่งเข้าที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่วันนั้นฝนตกหนักไล่จากภาคใต้ ซึ่งโอซาก้าก็โดนด้วย ช่วงนั้นมีหลายไฟลท์เลยที่ถูกยกเลิก ก็กลัวๆ แต่ก็ไม่ยกเลิก เลยกลัวมากๆ เวลาบินตอนสภาพอากาศไม่ดี 2) ไปเปลี่ยนเครื่องที่ไทเปเป็นครั้งแรก แต่ในที่สุด เครื่องบินก็เปลี่ยนเวลาบินถึงสองรอบ รอบแรกเปลี่ยนจาก 2.15 เป็น 2.30 รอบที่สองเปลี่ยนจาก 2.30 เป็น 2.50 เพราะเครื่องบินมีปัญหาตอนขาเข้า เลยล่าช้าไปมากๆ พอไปถึงที่ไทเป ตอนแรกคิดว่ายังพอมีเวลา ไม่ต้องรีบมาก ก็เลยมัวแต่ถ่ายรูป แต่นึกเวลาบินขึ้นมาได้ ในตอนนั้นเหลือ 10 นาทีจนกว่าจะถึงเวลา boarding pass time เลยวิ่งสุดพลัง สนามบินใหญ่มากๆ วิ่งจากเทอร์มินัล 1 ไป 2 ไกลมากๆ จนแทบไม่ไหว แต่ในที่สุดก็ทัน โล่งอกที่ยังมีคนนั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ ตอนอยู่บนเครื่องก็นอนหลับอย่างเดียว […]

DIARY Khowphun ::Day 1::

เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณตีสองครึ่ง ซึ่งการบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้ไม่ได้ไปแบบบินตรง แต่ไปเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งวันนี้เครื่องที่บินจากไทยไปไต้หวันเกิดดีเลย์ทำให้เครื่องถึงไต้หวันช้า จนแทบวิ่งไปเปลี่ยนเครื่องไม่ทัน วิ่งกันอย่างสนุกสนานเลย และแล้วก็มาถึงสนามบินนานาชาติคันไซได้อย่างปลอดภัย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า ผ่านด่านศุลกากรเป็นอันว่า ถึงญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้นก็ไปซื้อซิมอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้สำหรับติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง เสร็จแล้วจึงโทรหาโฮสแฟมมิลี่ เพื่อนัดแนะสถานที่ในการเจอกัน เวลาบ่ายสองกว่าๆก็ออกจากสนามบินไปยังสถานีอุเมดะโดยรถลีมูซีนบัสของสนามบิน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีอุเมดะ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของโอซาก้า หลังจากไปถึงแล้วเราก็ตามหาตู้โทรศัพท์เพื่อโทรหาโฮสอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับสถานที่ที่จะพบกัน แล้วปุ้นกับมิ้นก็แยกกันไปขึ้นรถไฟสายที่จะไปบ้านของโฮส โดยบ้านโฮสของปุ้นจะอยู่ที่สถานที่โซเนะ นั่งรถไฟจากอุเมะดะไปประมาณ 15 นาที พอถึงที่สถานีโซเนะแล้วก็เจอโฮสมารอรับอยู่ที่ประตูทางออก โฮสของปุ้นชื่อ คุณโอคาดะ ยูกิ เขาขับรถมารับที่สถานี ซื่อทางจากสถานีไปบ้านนั้นค่อนข้างไกลนิดหน่อย ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงบ้าน พอถึงบ้านแล้วก็ทำการนำข้าวของไปเก็บไว้ที่ห้องนอน ซึ่งบ้านของคุณโอคาดะจะค่อนข้างแปลกๆหน่อย คือห้องนอนจะอยู่ชั้นล่าง ส่วนห้องรับแขก ห้องครัว โต๊ะกินข้าวจะอยู่ที่ชั้นสอง พอขึ้นมาที่ห้องรับแขกก็เจอกับลูกสาวของโฮส ชื่อว่าชูกะจัง  ซึ่งกำลังจะออกไปเรียนบัลเล่ต์พอดี เลยได้ทักทายกันแค่นิดหน่อย หลังจากนั้นก็นั่งคุยกับคุณโอคาดะเกี่ยวกับเรื่องการมาอยู่โฮมสเตย์ เรื่องข้อควรปฏิบัติต่างๆเมื่ออยู่ที่บ้าน โดยได้ข้อสรุปว่า เวลาอยู่ที่บ้านเราสามารถอาบน้ำได้แค่วันละครั้ง เสื้อผ้านั้นสามารถซักรวมกับของโฮสได้ อาหารมีให้กินวันละสองมื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น ถ้าวันไหนจะไม่กินก็ให้บอกโฮสล่วงหน้าก่อน ส่วนเวลากลับบ้านนั้นโฮสให้อิสระเต็มที่จะกลับดึกโฮสก็ไม่ว่าค่ะ แต่ต้องแจ้งทุกครั้งว่าจะกลับบ้านประมาณกี่โมง และโฮสก็ให้กุญแจบ้านเอาไว้ เผื่อกลับแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน พอถึงเวลาประมาณหกโมงเย็น […]